ตั้งชื่อสิริมงคลตามหลักโหราศาสตร์ไทยชั้นสูง

(Good Name)

 

 

ประวัติความเป็นมา

 

การตั้งชื่อบุคคลนั้นนับเป็นสิ่งสำคัญ เพราะชื่อนั้นจะอยู่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย แม้แต่ตายไปแล้ว คนก็ยังกล่าวขานถึงชื่อคนๆนั้นอยู่เสมอ การเรียกขานชื่อบุคคลนั้นจะโดนเรียกขานไปตลอดชีวิต ชื่อที่ไพเราะความหมายดีก็เท่ากับกล่าวขานแต่สิ่งที่เป็นสิริมงคลให้กับเจ้าของชื่อ ส่วนชื่อที่ไม่ไพเราะความหมายไม่ดีก็เท่ากับเรียกขานแต่สิ่งอัปมงคลให้กับเจ้าของชื่อ การตั้งชื่อจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก และถือเป็นขั้นสุดยอดของวิชาโหราศาสตร์ไทยในการแก้เคล็ดเวลาเกิดเคราะห์ร้ายในชีวิต ซึ่งจะช่วยบรรเทาผ่อนหนักให้เป็นเบา แม้นหากดวงตกถึงฆาต ถ้าหากชื่อดีก็สามารถบรรเทาให้เบาลงได้ อักษรและความหมายที่นำมาตั้งชื่อจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เหตุที่ต้องให้ความสำคัญในการตั้งชื่อให้ดีก็เพราะว่า ในหลุมฝังศพนั้น จะจารึกวันเดือนปีที่ชาตะ กับวันเดือนปีที่มรณะ และชื่อนามสกุลภาษาไทยติดอยู่ด้วยเสมอ ดังนั้น ชื่อกับนามสกุลจะอยู่ติดตัวเราตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย

ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่ามีการตั้งชื่อตามหลักเลขศาสตร์ เช่น รวมอักษรกันให้ได้เลข 14,15,24,36,45,51,64,65 และอีกมากมายซึ่งเป็นเลขคู่มิตรมงคลต่างๆ เท่าที่ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบตามหน้า1หนังสือพิมพ์โดยทั่วไป ก็เห็นว่ามีหลายคนบวกกันแล้วชื่อได้เลขที่ดีแล้วยังอกหักอุบัติเหตุเสียชีวิตก็มี ชื่อหลายชื่อบวกกันได้เลขไม่ดีแต่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ อายุยืน มีชื่อเสียงก็มีมาก เท่าที่ตรวจสอบมามักจะมีอิทธิพลจากความหมายของชื่อแก้เคล็ดตามดวงกำเนิดเป็นสำคัญอีกด้วย

หลักเลขศาสตร์นี้เท่าที่ศึกษามาข้าพเจ้าเห็นได้ว่าพึ่งจะได้รับความนิยมมากในสมัยนี้ แต่เท่าที่อ่านตำราทั่วไปในสมัยก่อนจะยังไม่มี มีแค่เพียงนับจำนวนตัวอักษรในชื่อไม่ให้ได้เลขเท่ากับจำนวนกาลกิณี และนับตัวอักษรในชื่อที่ใช้อยู่มาทำนายตามหลักมหาทักษาร่วมดวงได้อย่างแม่นยำพอสมควร แต่ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธที่จะใช้หลักเลขศาสตร์ตามสมัยใหม่นี้ร่วมด้วย เพื่อให้เจ้าของชื่อได้รับสิริมงคลในชื่อมากที่สุด เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าศาสตร์ทุกศาสตร์มีคุณค่าความดีงามในตัวของมันเอง

เรื่องความหมายของชื่อนั้นสำคัญยิ่งนัก ตัวอย่างเช่น หลวงพ่อวัดปากน้ำ(พระมงคลเทพมุนี)นามเดิมของท่านชื่อสด แก้วกำเนิด ท่านเป็นผู้ค้นพบพระธรรมกาย โดยวิธีอโลกกสิณ คือใช้ใจ เนรมิตดวงแก้วขึ้นศูนย์กลางกายแล้วพยายามเพ่งให้เห็นดวงแก้วนั้นปรากฏขึ้นจริงๆ พยายามเพ่งดวงแก้วนั้นให้สดใส เรียกว่าดวงปฐมมรรค วิธีการของท่านสมชื่อและนามสกุลทุกอย่าง

พุ่มพวง ดวงจันทร์ เมื่อแรกเข้าวงการ เธอใช้ชื่อว่า น้ำผึ้ง เมืองสุพรรณ อัดแผ่นเสียงอย่างไร ร้องเต้นอย่างไร ก็ไม่ดังซักที จนเมื่อไปพบกับครูเพลงท่านหนึ่ง ท่านตั้งชื่อให้ใหม่ในวงการว่า พุ่มพวง ดวงจันทร์ เท่านั้น ไม่ว่าเพลงอะไร ต่อเพลงอะไรที่ออกมา ดังทุกเพลงเลยทีเดียว โดยเฉพาะเพลง กระซิก ๆ กระแซะ ๆ หรือ ตั๊กแตนผูกโบว์ นั้น แม้แต่เด็กอายุ ๓ ขวบ ที่เพิ่งพูดได้ไม่คล่อง ยังร้องได้ ดังขนาดนั้น

ด.ญ.วรรณรัชนี หงสกุล ภายหลังเปลี่ยนชื่อโดยคุณตาของ ด.ญ. วรรณรัชนี คือพระประสิทธิ์วินิจฉัย ได้คิดตั้งชื่อให้ใหม่จากการผูกดวงชะตาเป็น อาภัสรา หงสกุล แปลว่า แสงสว่าง ดวงดีตลอดเวลาที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนศึกษาวิทยา คุณอาภัสรา กลายเป็นดาราดวงเด่นในด้านการกีฬา จนได้รับมอบหมายให้เป็นดรัมเมเจ้อร์ของโรงเรียนถึง 3 ปีซ้อน และได้ครองมงกุฎนางงามจักรวาลคนแรกของประเทศไทย

คุณ พรทิพย์ นาคหิรัญกนก แปลว่า พรอันวิเศษ ก่อนประกวดนางสาวไทยได้ตำแหน่งรองธิดาโดม แต่พอประกวดนางสาวไทยเปลี่ยนชื่อเป็นภรณ์ทิพย์ แปลว่า เครื่องประดับวิเศษ บวกเลขศาสตร์ได้เลข49 ซึ่งเป็นเลขอัปมงคล แต่ทำให้ได้ครองมงกุฎนางสาวไทยและมงกุฎนางงามจักรวาลในที่สุด จะเห็นได้ว่าไม่มีนางงามคนใดที่ได้ตำแหน่งสูงสุดที่มีชื่อฟังดูไม่ไพเราะเลยสักคน การตั้งชื่อได้เลขไม่ดีจึงไม่ได้หมายความว่าดวงจะไม่ดีเสมอไป

ดังนั้นทุกท่านจึงควรรู้ถึงหลักเคล็ดลางอาถรรพ์ของธรรมชาติตามความหมายไว้

หลักเกณฑ์โดยทั่วไปที่ใช้ในการตั้งชื่อในสมัยโบราณจะใช้วิธีผูกดวงวางลัคนากำเนิด แล้วพิจารณาดวงดาวในชื่อที่โดดเด่นที่สุดได้ตำแหน่งไม่เสีย ไม่อยู่ในทุสถานะภพ ไม่เป็นอริ มรณะ วินาศน์ ไม่เป็นกาลกิณีกำเนิด เอามานำหน้าชื่อและเลือกเอาแต่เฉพาะอักษรที่ดีเท่านั้นมาตั้งรวมอยู่ในชื่อ และตั้งให้สอดคล้องกับชื่อบิดามารดา หรือพี่น้องเดียวกัน เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันนานๆ มีความไพเราะ มีพลัง มีความหมายเป็นสิริมงคลรวมอยู่ในชื่อ มีความสอดคล้องกับนามสกุล และสำหรับผู้ที่มีกาลกิณีกุมลัคน์ให้ใช้หลักมหาทักษาเปลี่ยนกาลกิณีที่กุมลัคน์ให้เป็นศรี เพื่อบรรเทาความเลวร้ายของตัวกาลกิณีให้ลดลง ซึ่งวิธีนี้คือวิธีที่ข้าพเจ้าจะใช้เป็นเกณฑ์หลักตามวิชาโหราศาสตร์ไทยชั้นสูงที่ใช้ในสมัยก่อนทั่วไป เพราะต่อให้ชื่อรวมกันได้เลขดีแต่มีอักษรไม่ดีรวมอยู่ในชื่อ เวลาดาวอัปมงคลจากอักษรที่ไม่ดีที่รวมอยู่ในชื่อมาทับลัคน์ก็มิอาจคุ้มครองดวงชะตาให้บรรเทาลงได้

ในคัมภีร์ทักษปกรณ์ มีอ้างอิงแก้เคล็ด เปลี่ยนกาลกิณีกุมลัคน์ให้กลายเป็นศรี ชูชกพราหมณ์ เกิดปีขาลเดือน5 วันเสาร์ ขึ้น10ค่ำ เวลาย่ำพลบ ชะตามีน ดาวเคราะห์๑,๔,๖อยู่ราศีเมษ ดาว๕อยู่ราศีเมถุน ดาว๓อยู่ราศีกรกฎ ดาว๒อยู่ราศีสิงห์ ดาว๗,๘อยู่ราศีตุลย์ร่วมลัคนา พี่ชายมี4คนตายก่อนแล้ว เหลือแต่ชูชกกับน้องชายคนหนึ่งชื่อลก เป็นบ่าวอยู่แก่พญากลึงคราช ตามนามชูชกอันเกิดแต่กรรมนั้น ได้นามชั่วคือดาว๕พฤหัสบดี ฉะนั้นท่านจึงเอาดาว๗เสาร์ เป็นกาลกิณี ทั้งดาว๘ราหูอยู่ร่วมลัคนายิ่งร้ายนัก อายุ20ปีจะตาย ดังนั้นพราหมณ์ผู้รู้เวทย์จึงใส่ให้ว่า ชูชก(อ่านว่า ชู-ชะ-กะ) นามเดิมชื่อ งัว ด้วยบุณยลักษณะอันนี้จึงให้ลัคนาอยู่กับศรี จึงมีอายุยืนได้60ปี ทำให้ดาวเสาร์ที่กุมลัคนาเป็นศรีทันที ส่งผลให้อายุยืน

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าเคยอ่านพบนานแล้ว คือเรื่องเกี่ยวกับวรรณคดีขุนช้างขุนแผน เห็นว่ามีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงในสมัยก่อน เกี่ยวกับชื่อของนางพิมพิลาไลย ชื่อนี้ฟังดูไพเราะมากพอสมควร ฟังดูเหมือนหญิงงาม ดูเป็นชื่อที่มีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำแบบใคร แต่เกิดเจ็บป่วยอย่างหนัก รักษาอย่างไรก็ไม่หาย จึงต้องไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้พระตั้งชื่อให้แก้เคล็ด โดยเปลี่ยนเป็นชื่อนางวันทอง โดยให้เหตุผลว่าจับยามดูแล้ว ชื่อพิมพิลาไลยถ้าไม่จากสามีก็จะทำให้เจ็บป่วยตาย จึงเปลี่ยนชื่อให้เสียใหม่เป็นนางวันทอง จากนั้นนางก็หายจากป่วยไข้ แต่ต่อมานางถูกตั้งฉายาให้ว่าเป็นนางวันทองสองใจ และมีอยู่ตอนสุดท้ายที่ว่านางถูกตัดสินให้ประหารชีวิตโดยการตัดศีรษะในที่สุด

จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าชื่อนางวันทองไม่สามารถคุ้มตัวได้ เนื่องจากลัคนากำเนิดของนางนั้นอยู่ในราศีกรกฎ ชื่อเดิมว่าพิมพิลาไลยนั้น มีตัวอักษร นำหน้าชื่อ ซึ่งเป็นอักษรในวรรคดาวพฤหัสบดีเป็นวรรคมนตรีสำหรับนามบุคคลที่เกิดในวันจันทร์ อันเป็นดาวเจ้าเรือนอริ ซึ่งหมายถึง ป่วยไข้ เมื่อช่วงดวงตกมากทำให้นางป่วยไข้ และดาวพฤหัสบดีนั้นมักให้ผลเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้นางป่วยไข้อยู่นาน และสระทุกตัวเป็นกาลกิณีของนามวันจันทร์อีกด้วย แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นชื่อนางวันทองนั้นยิ่งไปกันใหญ่ แม้จะไม่มีสระซึ่งเป็นกาลกิณีอยู่ในชื่อ แต่ เนื่องจากตัวอักษรที่ใช้นำหน้าชื่อนั้นเป็นอักษรในวรรคราหู เป็นอุตสาหะตามมหาทักษา ซึ่งเป็นเจ้าเรือนมรณะ แปลว่า ความตาย ดังนั้นเมื่อนางดวงตกอีกครั้งหนึ่ง อักษร จากชื่อนางวันทองนั้น จึงไม่สามารถทำให้นางแคล้วคลาดได้ ดังนั้นการตั้งชื่อจึงเป็นศิลปชั้นสูงและรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญ

กฎหมาย ข้อบังคับเกี่ยวกับการตั้งชื่อ-นามสกุล

ตามพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ.2505 ระบุไว้ว่า บุคคลสัญชาติไทย ต้องมีชื่อตัวและชื่อสกุล และอาจจะมีชื่อรองด้วยก็ได้ ทั้งนี้ได้อธิบายความหมายของชื่อตัว ชื่อสกุลและชื่อรองไว้ดังนี้

"ชื่อตัว" หมายความว่า ชื่อประจำบุคคล
"ชื่อรอง" หมายความว่า ชื่อประกอบถัดจากชื่อตัว
"ชื่อสกุล" หมายความว่า ชื่อประจำวงศ์สกุล

โดยหลักเกณฑ์การตั้งชื่อตัว และชื่อรอง มีดังนี้
ต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย หรือพระนามของพระราชินี หรือราชทินนาม
ต้องไม่เป็นคำหยาบหรือมีความหมายหยาบคาย
ต้องไม่มีเจตนาในทางทุจริต
ผู้ได้รับหรือเคยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ โดยมิได้ถูกถอด จะใช้ราชทินนามตามบรรดาศักดิ์เป็น ชื่อตัวจริง ชื่อรองก็ได้

 

การขอเปลี่ยนชื่อ

ชื่อที่ตั้งควรถูกต้องตามหลักเกณฑ์การตั้งชื่อบุคคล โดยยื่นเอกสารต่อกรมการอำเภอ (นายอำเภอ) อำเภอใดก็ได้

เอกสารที่จำเป็น
1.สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
2.บัตรประจำตัวประชาชน
3.ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว (กรณีบุคคลต่างด้าว)

ขั้นตอนในการติดต่อ
1. ผู้ยื่นคำขอตามแบบ ช1 ต่อนายทะเบียนท้องที่ที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
2. นายทะเบียนท้องที่ตรวจสอบคำขอกับทะเบียนบ้าน และชื่อที่ขอเปลี่ยนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
3. กรณีอนุญาตสำหรับบุคคลสัญชาติไทย นายทะเบียนท้องที่จะออกหนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อตัวชื่อรอง (แบบช.3) ให้เป็นหลักฐาน
4. กรณีบุคคลต่างด้าว นายทะเบียนท้องที่จะออกหนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อตัวของคนต่างด้าวให้ เพื่อประกอบหลักฐานการแปลงชาติ หรือคืนสัญชาติเป็นไทยเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว นายทะเบียนท้องที่ จึงออกหนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อตัว หรือชื่อรองให้เป็นหลักฐาน และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 25 บาท
5. เมื่อได้รับหนังสือสำคัญแล้ว ให้ผู้ขอนำหนังสือดังกล่าวไปขอแก้ไขรายการในทะเบียนบ้านและหลักฐานอื่น ๆ ให้ถูกต้อง และขอเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนด้วย

 

credit : http://www.dopa.go.th , http://www.thaigov.net



 

หลักเกณฑ์สำคัญที่ข้าพเจ้าใช้ในการตั้งชื่อ มีดังนี้

1.ห้ามนำเอาอักษรที่เป็นกาลกิณี และสถิตย์อยู่ในทุสถานะภพ    หรือได้ตำแหน่งไม่ดีต่างๆของดวงชะตากำเนิดมาตั้งรวมอยู่ในชื่อ

2.นำอักษรในดวงดาวที่ยิ่งใหญ่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดและเป็นสิริมงคลในพื้นดวงชะตากำเนิดมานำหน้าชื่อ

3.ชื่อจะต้องมีความหมายเป็นสิริมงคล ไพเราะในการเขียนและการเรียกขาน มีพลัง และมีความแข็งแกร่งอยู่ในชื่อ

4.ชื่อจะต้องมีเอกลักษณ์ พยายามไม่ให้ซ้ำแบบใคร นอกจากจะมีตัวอักษรให้เลือกน้อย จนตั้งยากมากจริงๆ

5.ชื่อจะต้องสอดคล้องกับนามสกุล ชื่อบิดามารดาหรือพี่น้องเดียวกัน เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันนานๆ

6.ตั้งชื่อไม่ให้เชยและไม่ให้คนล้อเลียนได้ ไม่ให้สอดคล้องกับชื่อเทพยดา

7.ชื่อจะต้องเขียนถูกต้องตามความหมายคำบาลีสันสกฤตในพจนานุกรมภาษาไทย

8.บุคคลที่มีอักษรกาลกิณีกำเนิดร่วมหรือกุมลัคนาจะต้องใช้หลักทักษาตั้งชื่อแก้ไขกาลกิณีให้กลายเป็นศรี

9.พิจารณาหลักเลขศาสตร์มาประกอบการตั้งชื่อ และเลขชื่อรวมกับเลขนามสกุลให้ได้เลขที่ดี    และเมื่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษจะต้องไม่เขียนยากมาก

10.ตั้งชื่อไม่ให้พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย หรือพระนามของพระราชินี หรือราชทินนาม

 

 

สิ่งที่จำเป็นต้องทราบ

 

1. เวลาเกิดที่แน่นอนในสูติบัตร

    (ถ้าประมาณ ห้ามเกินภายใน1ชั่วโมง)

2. จังหวัดที่เกิด

3. วันที่เดือนปีพ.ศ. เกิด

4. ชื่อจริงและนามสกุลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

5. ชื่อเล่นที่ท่านใช้อยู่ ชื่อจริงของบิดามารดา พี่หรือน้องร่วมสายเลือดเดียวกัน     เพื่อจะตั้งให้สอดคล้องกัน (ข้อนี้หากไม่ต้องการระบุก็ไม่เป็นไร)

6.ในกรณีที่ท่านมารับพยากรณ์ชื่อเป็นการส่วนตัว ท่านจะได้รับชื่อใหม่ภายใน3วันนับจากวันทำนาย พร้อมฤกษ์เปลี่ยนชื่อดีและวิธีทำบุญให้ชื่อเก่า เช่นเดียวกับการทำนายสดทางโทรศัพท์และทางอีเมล์ โดยฝากชื่อนามสกุลจริงของท่านไว้ และโทรมารับฟังชื่อใหม่ด้วยตัวของท่านเองตามเวลาที่ท่านนัดหมาย หรือให้ส่งไปทางอีเมล์ของท่าน เพื่อข้าพเจ้าจะใช้เวลาทั้งหมดทำการตั้งชื่อที่ดีที่สุดให้กับท่าน

 

 

อัตราค่าบูชาครูปกติ

 

ตั้งชื่อสิริมงคล 5 ชื่อ     1000 บาท

 

การตั้งชื่อสิริมงคลทางโทรศัพท์และEMAIL

 

 

 

UP HOME