สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ครู

 

คาถาไหว้ครูหมอดู

นะโม ตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
เสฏฐันติ รัตนัง โลเก วันทิตะวา ปะการะณัง อิมัง เลขสมุทะยัง กริสะสามิ ยะถาพะลัง

เสร็จแล้วอุทิศส่วนกุศล ไปให้ครูอาจารย์

 


 

เหตุใดการพยากรณ์จึงต้องคิดค่าครู

 

1.เพราะวิชาความรู้ที่สืบทอดกันมามีครูบาอาจารย์ เหล่านักพยากรณ์ต้องทำพิธีเคารพบูชาครูบาอาจารย์เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเอง เพื่อไม่ให้ผิดครู ได้แก่ ขันครู บรรจุสิ่งของ 5 อย่าง ดังนี้ 1.1ดอกไม้ 1.2 ธูป 1.3 เทียน 1.4 เงินบูชาครู 1.5 ผ้าขาวหรือผ้าแดงสำหรับครูที่ยังมีชีวิตอยู่หรือครูที่เสียชีวิตไปแล้ว
2.นักพยากรณ์นำเงินส่วนหนึ่งทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ครูบาอาจารย์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ครูที่คอยช่วยเหลืออยู่เป็นประจำ
3.นักพยากรณ์นำเงินส่วนหนึ่งทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้มารับคำพยากรณ์ ที่ไปเปิดดวงชะตาให้ ตัวอย่างเช่น ผู้มารับคำพยากรณ์โดนคุณไสยมา มีสัมพเวสีหรือวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรติดตามมาด้วย หากนักพยากรณ์ช่วยแก้ปัญหาได้สำเร็จ วิญญาณที่ติดตามมาจะกลับมาตามทำร้ายนักพยากรณ์เอง

 

 

 

 

 

พระพิฆเนศวร

เทพแห่งความสำเร็จ

(pic from ganeshmuseum.com)

(หลังจากที่ข้าพเจ้าศึกษาไพ่ยิปซีและโหราศาสตร์ด้วยตนเองทั้งหมดจนสำเร็จแล้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง จึงจุดธูปบอกหิ้งพระที่บ้านว่า หากมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใดเพียงองค์เดียวที่รวมพลังความสามารถอันหลากหลายของเทพทุกองค์เข้าไว้ด้วยกัน ปรารถนาอยากจะเป็นครูหมอดูเพื่อสร้างบุญบารมีร่วมกัน ก็จงมาเข้าฝันด้วยเถิด ในวันนั้นข้าพเจ้าฝันเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งชี้ไปที่รูปวาดพระพิฆเนศแล้วบอกว่าองค์นี้ อีกครั้งหนึ่งที่มาเข้าฝันเป็นครั้งที่2คือพระพิฆเนศวร ร่างกายเป็นคน แต่สวมศีรษะช้างสีชมพูปนทอง สวมชุดแขกสีทอง จะดึงตัวข้าพเจ้าลอยขึ้นไปบนฟ้าบอกจะเอาข้าพเจ้าไปอยู่ด้วย แต่ข้าพเจ้าบอกไม่ยอมไป จึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา)

พระพิฆเนศปางกำจัดมาร thanks plazathai.com


บูชาพระพิฆเนศเพื่อกำจัดอุปสรรคก่อนงานมงคล ความสำเร็จในทุกสิ่ง และเป็นบรมครูศาสตร์ทุกแขนง

วันและเดือนที่เหมาะแก่การบูชาพระพิฆเนศ หลังจากที่ถวายตัวเป็นผู้ศรัทธาในวันอังคาร หรือวันพฤหัสบดีแล้ว ก็สามารถบูชาได้ทุกวัน ทุกเดือน โปรดเข้าใจไว้ว่าไม่มีวันใดที่ไม่เหมาะแก่การบูชาพระพิฆเนศเลย ผู้ศรัทธาสามารถกราบไหว้ สักการะบูชาองค์พระพิฆเนศได้ทุกวัน ทุกเดือน และขอพรได้ตลอดเวลา

เครื่องสังเวยพระพิฆเนศ ห้ามใช้เนื้อสัตว์ทุกชนิด (สามารถใช้ขนมที่มีส่วนผสมของไข่ได้บ้าง แต่ถ้าเลือกได้ก็ควรเลี่ยง) ให้ถวายผลไม้ที่สุกแล้วเป็นหลัก อ้อย น้ำอ้อย นมวัว ขนมโมทกะ (หรือ ขนมต้มแดง ต้มขาว ของไทย) หรือขนมหวานลาดูป (ชาวอินเดียนิยมถวาย) ตลอดจนข้าวสาร เกลือ พืช ผัก งา สมุนไพร ธัญพืชและเครื่องเทศทุกชนิด ก็สามารถใช้ถวายได้

พระพิฆเนศปางทุรคา thanks flickr.com

 

คาถาบูชาพระพิฆเนศวร

โอม ชรี กเนชา ยนามหา 3 จบ

(thanks information from siamganesh.com)

 

 

 

 

ฤๅษีนารอด


เทพแห่งหมอดูโหราศาสตร์

พระนารท หรือ พระนารอด หรือ พระนาระทะ แล้วแต่จะเรียก
ทรงกำเนิดจากเศียรที่ ๕ ของพระพรมธาดา ทรงเพศเป็นฤาษี พระฤาษีนารอดถือว่าเป็นฤาษีองค์แรกของไตรภูมิ ไม่ว่าจะมีการบูชาสิ่งใด หากไม่มีการเชิญท่านแล้ว พิธีกรรมนั้นมักไม่สมบูรณ์
รูปลักษณ์ของท่านที่สร้างเป็นหัวโขน(ศรีษะครู)สำหรับบูชาเป็นรูปหน้าพระฤาษีหน้าปิดทอง สวมลอมพอกฤาษี มี(กระดาษ)ทำเป็นผ้าพับเป็นชั้นลดหลั่นกันไป เสียบอยู่กลางลอมพอก

ท่องประจำทุกวันคือ
นะโม 3จบ.....
โอม...อิมัสมิง พระประโคนธัพ พระมุนีเทวา หิตาตุมเห ปะริภุญชันตุ
3,5,7,9 จบแล้วแต่จะท่อง ระลึกถึงท่านและขอพร

การบูชา
ตามแบบที่ได้รับจากหลวงตาหมูวัดดงป่าคำ
มี 3 แบบ เลือกได้ตามวาระ หรือจะทำให้ครบเลยก็ยิ่งดี

1.ปฏิบัติบูชา สมาทานศิล 8 ให้บริสุทธิ์ แล้วระลึกถึงท่านก็จะสมความปราถนาครับ
2.อามิสบูชา จุดธูป 19 ดอก เทียน 1 คู่ ดอกบัว ของหอม(ท่านเป็นเทพ เทพจะชอบของหอมและสะอาด) น้ำดื่มสะอาด 1 แก้ว
3.อื่นๆ ขนมต้มแดง ต้มขาว คันหลาวหูช้าง อาหารมังสะวิรัต ผลไม้ทุกชนิด ห้ามบูชาท่านด้วยเนื้อสัตว์เด็ดขาด (ห้ามใช้ภาชนะที่เคยแตะต้องเนื้อสัตว์ด้วย)
หมากพลู ตามศรัทธา

คาถาบูชามี 2 แบบครับ
1.แบบทั่วไป "โอม พระนาระทะ สายยะ นะโม นะมะ คันธะมาลา สิทธาหะนัม กัมพะมะนะ สัมมาอรหัง วันทามิ"
2.โองการบูชา เป็นแบบเฉพาะแต่ละสำนัก

จากประสบการณ์
1.ท่านเป็นเทวฤษี ต้องบูชาด้วยเครื่องหอม สวดสรรเสริญด้วยการออกเสียงไพเราะและตั้งใจ บูชาด้วยดนตรีอันไพเราะ สถานที่บูชาต้องสะอาด ไม่ควรปล่อยให้รกรุงรัง
2.ท่านเป็นเทวฤษี ไม่โปรดเนื้อสัตว์ทุกประเภท
3.ห้ามบน อยากได้พร เมื่อถวายสักการะด้วยวิธีใดๆ แล้วขอพรเลย จะสมความปราถนาโดยเร็ว
4.รูปเคารพท่านจะเป็นแบบใดๆก็ตาม หากออกชื่อ เป็นพระนาระทะ หรือ พระนารอดแล้ว จะศักดิ์สิทะทันที บูชาขอพรได้เลย เช่น เมื่อได้รูป หรือเศียรพระฤาษี มา 1 องค์ เมื่อจัดสถานที่บูชาเป็นที่เป็นทางแล้ว ตั้งนะโม 3 จบ ก็สวดบูชาออกชื่อท่านได้เลย จะเป็นบทสั้นบทยาว ท่านโปรดทุกบท เช่น โอม พระนารอด สาะยะ นะมัสสามิ ท่านจะอยู่กับเราตลอดไป
5.จุดธูปบูชาท่านกี่ดอกก็ได้ แต่ต้องเหมือนกันทุกครั้ง เช่น ครั้งแรก 3 ดอก ก็ควรจะบูชา 3 ดอกตลดไป
6.ศิษย์พระนารอดส่วนใหญ่จะมีเสน่ห์กับเพศตรงข้าม เมื่อปวรณาเป็นศิษย์ท่านแล้ว ก็ระวังศิลข้อ 3 ด้วย
7.เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยหรือ สงสัยจะถุกคุณ น้ำล้างหน้าตะโพน คือ น้ำทิพย์มนต์ รักษาได้ชะงัด สำหรับศิษย์พระนารอด
8.เนื่องจากท่านเป็น เทวฤษี รูปเคารพท่าน เป็นโลหะซึ่งเป็นธาตุทอง ดีที่สุด

คาถาบูชาฤาษีนารอด ( พ่อแก่ )

โอมคุรุ เท วะ นะมามิฤาษี ๑๐๘ ศรี ศรี ศอ อิ สะ รุ สระณะ ฤ ฤา ฤ ฤา ชิตัง มุนินทะ วาลัง พะละมุตตะมัง นะอะระหังฯ

 

คาถาบูชาพ่อแก่

(ฉบับของหลวงพ่อประเทือง วัดด่านเจริญชัย)

ตั้งนะโม ๓ จบ

โอม ฦ ฦา ฤ ฤา นะมะ พะทะ จะภะ ทะสะ นะโม พุทธายะ

(๓ จบ)

 

คาถาบูชาปู่ฤาษีนารอดจากวัดไทรน้อย (หลวงพ่อประสิทธิ์) และ กุฎิหลวงพี่ติ่ง วัดบางพระ


นะโม 3 จบ
มะอะอุ สิวัง พรหมา จิตตัง
มานิมา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ พ่อปู่นารอด
มานิมา ประสิทธิ เม

 

คาถาบูชาบรมครูปู่ฤาษีนารอด (ภาษากูโบ๊ต)
***โอม ฤ ฤา มหา ฤ ฤา มหา นา โร โธ ฮิ โร กา เร ฮิ เร บัน ยัง โดร์ เน วา ตู ซู ซูกา เดียงร์ ฮัม ฮัม โก โก***


คาถาบูชาพ่อปู่ฤาษีนารอด
ตั้งนะโม 3 จบ ฤ ฤา อะระหัง อยู่แล้วหรือยัง พ่อปู่นารอทขอเชิญเสด็จมาอยู่ตัว เอหิมาบังเกิด ฦ ฦา ภะคะวา อุทธังอัทโธ จะภะจะสะ คงคงอะ ฯ (๕ จบ) ฤ ฤ ออกเสียง ลึลือ ฦ ฦา ออกเสียง รึรือ

 

บทสวดปู่ฤาษี ๑๐๘

อุกาสะ อิมัง อัคคีพาหูบุพผัง อะหังวันทา อาจาริยัง

สัพพะสัยยัง วินาสสันติ สิทธิการิยะอะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม

ทุติยัมปิ อิมัง อัคคีพาหูบุพผัง อะหังวันทา อาจาริยัง

สัพพะสัยยัง วินาสันติ สิทธิการิยะ อะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม

ตะติยัมปิ อิมัง อัคคีพาหูบุพผัง อะหังวันทาอาจาริยัง

สัพพะสัยยังวินาสันติ สิทธิการิยะ อะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม

 

1. ของที่ใช้บูชา
หมากพลู บุหรี่ ส้มโอ


2. คาถาบูชา
นะโม ตัสสะ พะคะวะโต อะระหะโต
สัมมา สัมพุท ตัสสะ (3 จบ)
อุกาสะ อิมัง อัคคีพาหูบุพผัง อะหังวันทา อาจาริยัง สัพพะสัยยัง วินาสสันติ สิทธิการิยะ
อะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม ทุติยัมปิ อิมัง อัคคีพาหูบุพผัง อะหังวันทา อาจาริยัง สัพพะสัยยัง
วินาสสันติ สิทธิการิยะ อะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม ตะติยัมปิ อิมัง อัคคีพาหูบุพผัง อะหังวันทา
อาจาริยัง สัพพะสัยยัง วินาสสันติ สิทธิการิยะ อะปะระปะชา อิมัสมิง ภะวันตุเม

คาถาบูชาพระฤาษี
โอม...อิมัสมิง พระประโคนธัพ พระมุนีเทวา หิตาตุมเห ปะริภุญชันตุ ทุติยัมปิ...อิมัสมิง พระประโคนธัพ พระมุนีเทวา หิตาตุมเห ปะริภุญชันตุ ตะติยัมปิ...อิมัสมิง พระประโคนธัพ พระมุนีเทวา หิตาตุมเห ปะริภุญชันตุ

คาถาบูชาพระฤาษี 108 (รวม)
โอม สรเวโภย ฤ ษิโภย นะมัห

บทอธิฐานขอพรพระฤาษี
(ใช้ได้กับทุกๆ พระองค์)
โอม ตวะเมวะมาตา จะบิตา ตวะเมวะ ตวะเมวะพันธุศจะ สะขา ตวะเมวะ ตวะเมวะวิทะยา ทรวิณัม ตวะเมวะ ตวะเมวะสรวัม มะมะ เทวะ เทวะ....

3.ใช้ธูป 5 ดอก
4.บูชาในวันพฤหัสบดีเช้า จะถี่กว่านั้นก็ตามสะดวก

ขอขอบคุณที่มา http://board.palungjit.com/f125/ขอวิธีบูชาพระฤาษีนารอท-78205.html

 

 

 

 

ปู่ฤาษีตาไฟ

เทพแห่งพลังวิเศษที่ไม่ธรรมดา

บูชาพระฤาษีตาไฟเพื่อเป็นครูโหราศาสตร์และพลังวิเศษเหนือธรรมดา

 

สำหรับพวกรักแนวออกอิทธิฤทธิ์ ดังปรากฏในพิไชยสงครามที่ว่า “ขอพระศรีสุทัศน์เข้ามาเป็นดวงใจ พระฤาษีตาไฟเข้ามาเป็นดวงตา” ที่นิยามความหมายชัดเจนถึงตบะอำนาจ พระฤาษีตาไฟเป็นครูใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับฤทธิ์อำนาจโดยตรง มีการกำหนดพิธีกรรมสำคัญ มากมายอย่างยันต์ฤาษีตาไฟ พระคาถา และเชื่อว่าท่านมีอิทธิฤทธิ์สูงมาก ขนาดดลบันดาลเรื่องเหลือวิสัยปกติให้เป็นไปได้เสมอๆ

 

อีกตำราหนึ่งกล่าวว่า...

 

ตำนานพระฤาษีตาไฟ

พระอิศวรหรือพระศิวะถือว่าเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่านหนึ่ง ตามตำนานกล่าวว่าพระองค์ทรงมีสามตา โดยตาที่สามพระองค์นั้นอยู่กลางหน้าผากดุจเดียวกับพระฤาษีตาไฟ และเหมือนกันอีกประการ หนึ่งก็คือ เมื่อใดก็ตามที่พระอิศวรทรงลืมพระเนตรขึ้น เมื่อนั้นย่อมบังเกิดไฟประลัยกัลป์ขึ้นมาวามเหมือนกันโดยบังเอิญของตำนานพระอิศวรและพระฤษีตาไฟที่พ้องกันเช่นี้ทำให้เชื่อว่าท่านทั้งสองคือพระฤษีตาไฟ

และพระอิศวรย่อมมีความเกี่ยวพันไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งและพอเชื่อได้ว่าพระฤษีตาไฟแท้จริงแล้วก็คือภาคหนึ่งของพรศิวะหรือพระอิศวรเจ้านั้นเอง

(ขอเล่าประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าเองเดือนมกราคม2555 นอนอยู่แล้วก็รู้สึกว่าครึ่งหลับครึ่งตื่น ขณะที่นอนหงายอยู่บนเตียงมีตัวอะไรสักอย่างหางยาวๆ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นงูมาจากไหนไม่ทราบ มันอาจจะเลื้อยขึ้นมาจากช่องระบายอากาศขึ้นมาชั้น2 เท่านั้นล่ะครับ ข้าพเจ้า นอนตัวแข็งทื่อเพราะกลัวว่าจะถูกงูกัด รู้สึกได้ทันทีว่ามันค่อยๆเลื้อยขึ้นมาบนผ้าห่มจากปลายขากำลังจะขึ้นมาท่อนบน ข้าพเจ้าจึงหลับตา และรู้สึกได้ว่ามันเลื้อยผ่านมาบริเวณท้องออกไปทางหัวไหล่ด้านซ้าย เมื่อความรู้สึกว่ามันเลื้อยผ่านร่างของข้าพเจ้าไปแล้ว จึงค่อยๆลืมตาขึ้นทั้งที่ไฟในห้องยังปิดอยู่ ก็เห็นเป็นลักษณะกลุ่มควันหมอกสีขาวค่อยๆรวมตัวจากบริเวณพื้นใกล้ๆกลางเตียงห่างจากที่ข้าพเจ้านอนอยู่ประมาณครึ่งเมตร กลายเป็นกลุ่มหมอกสีขาวรูปงูเห่าตัวใหญ่มากกำลังแผ่แม่เบี้ยและจ้องมองมาทางข้าพเจ้า หลังจากนั้นมันก็ค่อยๆเลื้อยๆขึ้นไปที่ประตูห้องและออกไปทางซอกด้านบนของประตูห้องที่ล๊อคอยู่ หางยาวมาก และมันค่อยๆเลื้อยหายเข้าไปในซอกประตู ซึ่งไม่มีทางจะเป็นไปได้ที่งูจริงๆจะเลื้อยหายเข้าไปบนซอกประตูถ้าไม่ใช่งูวิญญาณ

จากนั้นสักพักข้าพเจ้าพยายามสงบสติอารมณ์ทบทวนว่าสิ่งที่เราเห็นมันคืออะไร ไม่ได้ฝันไปแน่ๆเพราะรู้สึกตัวทุกอย่าง เพราะเห็นด้วยตาในลักษณะครึ่งหลับครึ่งตื่น กับความรู้สึกของคนที่ตื่นแล้วในขณะที่งูมันเลื้อยขึ้นมาบนตัว สงสัยว่านี่อาจจะเป็นสัญญาณบอกเหตุอะไรบางอย่างจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าพเจ้าเคารพกราบไหว้พระศิวะที่พึ่งสวดมนต์แผ่เมตตาไปให้ครั้งแรก
เมื่อคืนหลังจากที่ดูดวงให้ลูกค้าเสร็จ เพราะงูเป็นสัตว์บริวารของพระศิวะ เป็นปาฏิหารยิ์ของพระศิวะ ที่ต้องการแสดงให้เห็นว่าพระองค์และพญางูเห่าได้รับผลบุญจากการสวดมนต์แผ่เมตตาแล้ว)

 

ในหมู่บรรดาฤษีโยคีทั้งปวงแล้ว ต้องนับถือว่าพระอิศวรหรือพระศิวะเป็นใหญ่สูงสุด เพราะพระอิศวรหรือพระศิวะนั้นแท้จริงแล้วคือบรมโยคีหรือมหาโยคี เป็นเทพพรหมฤาษีที่ทรงตบะสูงสุด ทั้งนี้ฤษีทั้งหลายย่อมบูชาโดยตรงต่อองค์พระศิวะด้วยกันทั้งสิ้นและนับถือกันว่าพระศิวะนี้ คือพระเป็นเจ้า พระศิวะคือต้นตอแห่งฤษีทั้งหลาย การบำเพ็ญทั้งหลายของฤษีโยคีย่อมมุ่งตรงต่อพระศิวะทั้งสิ้น และด้วยเหตุนี้พระฤษีตาไฟ พระฤาษีตรีเนตร และพระฤษีอิศวร ซึ่งแท้จริงก็คือท่านเดียวกัน ย่อมมีฐานะเป็นฤษีสูงสุดเป็นเจ้าแห่งฤษีทั้งปวง และย่อมเป็นประธานแห่งฤษีทั้งหลายด้วย

การบูชา บทสวดมนต์ คาถาบูชาพระศิวะ

 

พระศิวะ คือผู้เป็นเจ้า มีอำนาจในการทำลายทุกสรรพสิ่ง หยั่งรู้ถึงจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทุกคน เป็นผู้ประสานพลังแห่งจักรวาล เป็นที่เกรงกลัวแก่อสูรและสิ่งชั่วร้าย เป็นผู้อยู่เหนือเหล่าโยคี เทพเทวา และภูติ พระองค์คือเทพแห่งการถือพรต และเป็นเป้าหมายอันสูงสุดแห่งการปฏิบัติธรรมของไศวะนิกาย

พระศิวะ ทรงให้การคุ้มครองแก่ผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้อุทิศตนเพื่อสังคม ผู้ที่หมั่นทำบุญทำทาน ผู้ที่ปฏิบัติโยคะเพื่อความหลุดพ้น ทรงพอพระทัยผู้บำเพ็ญตบะด้วยความพากเพียร พระองค์ทรงพาเหล่าสรรพสัตว์ข้ามไปสู่ภพที่ปราศจากซึ่งกิเลสตัณหา

การปฏิบัติการบูชาและตั้งจิตระลึกถึงพระศิวะ จะช่วยให้พ้นจากกิเลส พ้นจากการยึดติดในอบายมุข สิ่งมัวเมาทั้งหมด ทรงประทานสติปัญญาในการดำรงชีวิตร่วมกับสัตว์โลก ประทานอำนาจเหนือศัตรู ทรงบันดาลพรให้ประสบความสำเร็จในกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนประทานการหยั่งรู้ในพลังลึกลับ พระองค์มีอำนาจสูงสุดในการควบคุมเหล่าภูติให้กระทำสิ่งต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้บูชาพระองค์อย่างเคร่งครัด

การบูชาพระศิวะ
โต๊ะ หรือแท่นบูชา สามารถประดิษฐานร่วมกับเทพองค์อื่นๆได้ เช่น พระพรหม พระวิษณุ ศิวลึงค์ หรือครอบครัวของพระองค์ คือ พระแม่อุมา พระแม่กาลี พระแม่ทุรคา พระพิฆเนศ พระขันทกุมาร

ควรปูโต๊ะหรือแท่นบูชาด้วย ผ้าสีขาว สีแดง สีเงิน โดยเฉพาะ ผ้าพิมพ์ลายหนังเสือ (หนังเสือเทียม) ท่านจะโปรดมาก แท่นหรือโต๊ะควรเป็นลายไม้ธรรมชาติ หรือทาสีด้วย สีดำสนิท สีแดง สีเงิน โดยไม่มีลายสีทอง (พระองค์ไม่โปรดสัญลักษณ์ที่สื่อถึงทองคำ เนื่องจากพระองค์ปฏิบัติโยคะอย่างสูงสุด มีความสมถะ เรียบง่าย)

เครื่องสังเวย ของถวาย
น้ำดื่ม นมสด (จืดหรือหวาน ไม่ปรุงแต่งกลิ่นหรือสี)

ดอกไม้ สามารถใช้ดอกดาวเรือง ดอกบัว ดอกกุหลาบ ดอกไม้ป่าต่างๆ ทุกสี ทุกพันธุ์

กำยาน กลิ่นจันทน์ กลิ่นดอกบัว กลิ่นสมุนไพรและพรรณไม้ต่างๆ

ผลไม้ ควรถวายผลไม้ที่มีกลิ่นหอมโชยอ่อนๆ รสชาติอ่อนๆ ไม่เปรี้ยวจัด ไม่หวานจัด หรือขมจัดเกินไป ผลไม้ไม่ควรปอกเป็นคำๆ ควรถวายทั้งเปลือก หรือเป็นลูกๆ เช่น กล้วยทั้งหวี (แต่มะพร้าวจะต้องผ่าหรือเทใส่แก้ว)

ขนม เช่นเดียวกับเทพทุกองค์ คือ ถวายขนมรสหวาน มีกลิ่นหอม ห้ามถวายอาหารคาวและเนื้อสัตว์

ธัญพืช เช่น งา ลูกเดือย ข้าวตอก ใบมะตูม หญ้าคา เผือก มัน ถั่วฝัก เมล็ดถั่ว เมล็ดข้าว เมล็ดบัว พริกไทย เครื่องเทศต่างๆ

 

พระศิวะ มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ในสามโลก
พระองค์ทรงปกป้องเหล่าสรรพสัตว์
และเมตตาผู้บูชาพระองค์ โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติโยคะ


คาถา บทสวดมนต์บูชาพระศิวะ

อย่าลืม : ก่อนการสวดบูชาพระศิวะนั้น จะต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ

บทสวดมนต์พระศิวะมีอยู่มากมาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
(เลือกสวดบทใดบทหนึ่งหรือหลายๆบท)

1. โอม นะมัส ศิวาย

2. โอม นะมัส ศิวายะ

3. โอม นะมัส ศิวายะ นะมะฮา

- บทอัญเชิญ
4. โอม อิศราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวันตุเม
ทุติยัมปิ อิศราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวันตุเม
ตะติยัมปิ อิศราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวันตุเม

5. โอม กรรมปูระเคารัม กรุณาวะตารัม
สัมสาระสารัม ถุชะเคนทะระหารัม
สะทะวะสันตัม หฤทะยาระวินเท
ภะวัมภะวานี สาหิตัม นะมามิ



- บทสรรเสริญ
6. โอม นะมัส ศิวายะ
จำเป นะเคารา นะสีระกายายะ
กัตตะปูระณะ กาวะนะสี จะกายอ
นะมัสสิ วายะยายะ จะนะมัสสิ วายะยอ
กัตุกรี คิกากัง คะมะติวัตติตายายะ
มะมิกุณธะลายอ นะมัสสิวายายะ จะนะมัสสิวายา
อะระคัม สัมปุญญัม สีวิรุส
ตะไรยยะเก กาเม จะมะเหยะเต

 

บทสรรเสริญบูชาพระศิวะ ผู้คืออักขระ 5 พยางค์
จากเอกสารประวัติและคำสวดสรรเสริญเทพเจ้า
โดย : ดร.จิรพัฒน์ ประพันธ์วิทยา

 

โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ

นาเคนทะระ หารายะ ตะริโลจะนายะ
ภัสมางคะ ราคายะ มะเหศะวะรายะ
นิตยายะ ศุทะธายะ ทิคัมพะรายะ
ตัสไม นะการายะ นะมะศิวายะ

คำแปล : พระศิวะ ผู้มีสร้อยพระศอคือพระยานาค มีสามพระเนตร ทรงใช้ขี้เถ้าทาพระวรกาย
เป็นพระเป็นเจ้าสูงสุด ทรงคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ผู้บริสุทธิ์หมดจด ผู้ใช้ทิศเป็นเครื่องนุ่งห่ม
อักษร "นะ" คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น

มันทากินี สะลิละ จันทะนะ จะระจิตายะ
นันทิศะวะระ ประมาถะ มะเหศะวะรายะ
มันทาระปุษปะ พะหุปุษปะ สุปูชิตายะ
ตัสไม มะการายะ นะมะศิวายะ

คำแปล : พระศิวะ ผู้ทรงลูบไล้พระองค์ด้วยน้ำจากแม่น้ำคงคาสวรรค์และกระแจะจันทน์
ผู้เป็นเจ้าสูงสุดควบคุมพระโคนนทิและหมู่ภูติผีปีศาจผู้เป็นบริวาร ผู้ได้รับการบูชาด้วยดอกมันทาระและดอกไม้มากมาย
อักษร "มะ" คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น

ศิวายะ เคารีวัทนาพะชะวะ รินทะ
สูระยายะ ทักษะ ธะวะระ นาศะกายะ
ศรีนีละกัณทายะ วะรึษะ ธะวะชายะ
ตัสไม ศิการายะ นะมะศิวายะ

คำแปล : พระศิวะ ผู้เป็นความดีความหลุดพ้น
ผู้ทำให้พระพักต์ที่งามเหมือนดอกบัวของพระนางปารวตีเบิกเบานเช่นเดียวกับที่พระอาทิตย์ทำให้กลุ่มดอกบัวบาน
ผู้ทำลายพิธีบูชายัญของท้าวทักษะ ผู้มีพระศออันงดงามเป็นสีน้ำเงิน ผู้มีรูปพระโคอยู่ในธงประจำพระองค์
อักษร "ศิ" คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น

วะสิษฐะ กุมโภทะภะวะ เคาตะมารยะ
มุนีนะทะระ เทวาระจิตะ เศขะรายะ
จันทราระกะ ไวศะวานะระ โลจะนายะ
ตัสไม วาการายะ นะมะศิวายะ

คำแปล : พระเศียรของพระศิวะได้รับการบูชาโดยมุนีเลิศ คือ ฤาษีวสิษฐะ ฤาษีอคัสตยะ ฤาษีเคาตมะ เป็นต้น
พวกเทวดามีพระอินทร์ พระอาทิตย์ พระจันทร์ เป็นต้น
"วา" คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น

ยักษะ สะวะรูปายะ ชะตาธะรายะ
ปินากะ หัสตะตายะ สะนาตะนายะ
ทิวะยายะ เทวายะ ทิคัมพะรายะ
ตัสไม ยะการายะ นะมะศิวายะ

คำแปล : พระศิวะ ผู้ทรงอยู่ในรูปของยักษ์ ทรงมุ่นมวยผม
ทรงธนูปินากะที่เป็นพระเป็นเจ้าที่มีมาแต่ดั้งเดิมอยู่ในสวรรค์ ที่เป็นเทพผู้เปลือยพระวรกาย
อักษร "ยะ" คือพระศิวะ ข้าพเจ้าขอไหว้พระศิวะพระองค์นั้น

โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ
โอม นะ-มะ-ศิ-วา-ยะ

(ขอพรตามประสงค์ จากนั้นกล่าวคำว่า โอม ศานติ ศานติ ศานติ เพื่อขอความสงบสุขแก่สรรพชีวิต)

 

 

ปางอรรธนารีศวร (ครึ่งพระศิวะ ครึ่งพระแม่อุมา)
ปางนี้เป็นปางครึ่งหญิงครึ่งชายในรูปลักษณ์ทางประติมกรรมนั้น จะแบ่งซีก ระหว่างพระศิวะกับพระอุมา ปางนี้ได้กำเนิดขึ้นครั้งแรก ครั้งเดียว ในสมัยการสร้างจักรวาล กล่าวคือ พระพรหมได้รับภารกิจให้สร้างมนุษย์เพศชายเพียงเพศเดียว แต่เพศชายเพียงอย่างเดียวไม่มีกำลังในการขยายเผ่าพันธุ์ในโลกใด้ ครั้งจะสร้างเพศหญิงขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะเอาแบบอย่างมาจากไหน พระพรหมจึงต้องบวงสรวงมหาเทวาธิเทวะ มหาเทวะ ศิวะเทพ เพื่อให้เสด็จมาแก้ปัญหาที่ค้างคาใจอยู่ พระพรหมบวงสรวงจนเป็นที่พอใจก็เลยเสด็จมา นับเป็นครั้งแรกที่มาในปางอรรธนารีศวร เพศหญิงและเพศชายที่รวมกันอยู่ในร่างเดียวกัน ทำให้พระพรหมเข้าใจในกำลังเสริมของเพศคู่นี้ อันจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์และชีวิตใหม่

โอม นะมัส ศิวายะ
การะปูระเคารัม กะรุณาวะตารัม
สัมสาระสารัม ภุชะเคน ทระหารัม
สะทาวะสันตัม หะรึทะยาระวินเท
ภะวัมภะวานี สะหิตัม นะมามิ

ขอขอบคุณที่มา http://www.siamganesh.com/shiva_8.html

การครอบเศียรพระฤาษีตาไฟ


พระฤาษีตาไฟนับเป็นบรมครูผู้หนึ่งในอดีตกาลที่เชื่อถือกันว่าท่านสำเร็จอภิญญาสมาบัติ สำเร็จวิชากสิณไฟ สามารถเพ่งจนเกิดไฟลุกได้อย่างน่าอัศจรรย์หรือสามารถเพ่งตะกั่วโลหะด้วยสายตาจนตะกั่วหรือโลหะนั้นหลอมละลายตัวลง ในตำรามักกล่าวว่าท่านมีพระเนตรที่3อยู่กึ่งกลางหน้าผากหากเนตรที่สามหรือตาที่สามนี้ลืมขึ้นเมื่อใดจะเกิดไฟประลัยกัลป์ขึ้น เมื่อนั้นคล้ายกับพระอิศวรที่มีเนตรที่สามเช่นกันดังนั้นครูบาอาจารย์บางท่านเชื่อถือกันว่าพระฤาษีตาไฟผู้เป็นบรมครูนี้หาใช่ใคร อื่นไม่น่าจะเป็นการอวตารภาคของพระอิศวรในภาคบรมครูผู้สั่งสอนทางธรรมก็เป็นได้

บรมครูปู่ฤษีตาไฟ นับเป็นบรมครูชั้นสูงอีกพระองค์ของไทยเรามีนามปรากฏอยู่หลายแห่งด้วยกัน อานิสงส์ของการได้ครอบ เศรียรปู่ฤาษีตาไฟนั้น นำความสุขความเจริญ ความมั่งคั่งร่ำรวย มาสู่ตัวผู้นั้น ที่สำคัญ คือ อำนาจจากการตบะบารมีของพ่อปู่ฤาษีตาไฟนั้นจะผลาญสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายในชีวิตให้สิ้นไป ทั้งยังเป็นรัศมีอันแรงกล้าคอยคุ้มครองให้พ้นจากอำนาจคุณไสยมนต์ดำ ยังแสงสว่างให้บังเกิดในดวงชะตา เป็นสง่าราศีดั่งพระอาทิตย์พระจันทร์ ความน่าอัศจรรย์ประการหนึ่งของพระฤษีตาไฟผู้มีจักษุทิพย์ที่สามกลางหน้าผาก คือ เรื่องของญาณหยั่งรู้เหนือมนุษย์ ซึ่งเหตุนี้เองที่ทำให้เกิดอานิสงส์สำคัญในยามที่ผู้นับถือทางโหราศาสรตร์ ศาสตร์แห่งการพยากรณ์ทั้งปวง ได้รับการครอบเศียรปู่ฤาษีตาไฟ เพราะอำนาจจากการตบะแห่งดวงตาที่สามที่นอกจากเป็นแรงคุ้มครองสิ่งชั่วร้ายแล้ว ยังก่อให้เกิดญาณหยั่งรู้ภายในตัวอีกด้วย

ผู้ที่เป็นนักพยากรณ์หรือสนใจในศาสตร์นี้เมื่อได้รับครอบแล้วมักจะมีความรู้แปลกๆเกิดขึ้น มีญาณสัมผัสที่แม่นยำขึ้น แต่ความสามารถนี้ก็มิได้เกิดกับผู้ที่ร่ำเรียนทางโหราศาตร์เท่านั้น แม้ผู้ที่ศรัทธาท่านอื่นๆที่มีความสนใจในศาสตร์ที่เร้นลับ และหากยิ่งเป็นนักปฏิบัติธรรมแล้วด้วยก็ยิ่งเกิดความสามารถทางจิตในเชิงนี้ได้เร็วและดียิ่งๆขึ้นไปอีก
พลังแรงครูจะคอยคุ้มครองให้โชคลาภ เอื้ออำนวยประโยชน์สุขทุกๆด้านของชีวิต

 

คาถาบูชา ปู่ฤาษีตาไฟ

นาโคชิริยะ อิติกะถานัง สาระสะนะพุทโธ พระฤษีสิทธิอาคะตะสิทธิโต พะภะคะสติโต มะนะสะสีตะโต สะวาหะฯ 9จบ

 

หรือ

วันทัตตะวัน คุรุอุปัชฌาจาริยะ โอม นะโม นะมัสสกาเม ทิตตะวา

อัคคีเนตตะ อาจาริยัง สัพพะ พะลัง สัพพะสิทธัง อิทธิฤทธิ ประสิทธิเม

อัคคีจักขุ จิปังสคิ อัคคีจักขุ ปิเสคิจิ อัคคีจักขุ เสคิจิปิ อัคคีจักขุ คิจิปิเส

นะมะพะทะ นะมะอะอุ นะโมพุทธายะ

 

หรือ

 

โอม นะโมนมัสสะการิยะ มุณีระวะจะนัง สักกะระวันฑานังมุนิลโธ พรหมสะนัง เทวาสะนัง มนุษย์สานัง โลกาสาธุ สาธุ อนุโมพะธันติ มะหาราโภ ภะวันตุเม เอหิ เอหิ เอหิ (บรมครูปู่ษี ตาไฟ ) มามะ มามา ฤ ฤา ฤ ฤา

 

หรือ

 

โอม นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ นะเมติ ฦาฦา ฤาฤา
นะมัสศิตะวา พ่อปู่ฤาษีตาไฟ สิทธิเตโช มหาปุญโญ
มหายะโส มหาลาโภ อิทธิ ฤทธิ ประสิทธิเม

 

หรือ

พุทธัง สะเรมานะ ธัมมัง สะเรมานะ สังฆัง สะเรมานะ มุนิวะระวะจะนัง
มะนีดาบส พรมมา กบิลพรมมาดาบส ทิพพะจักขุ อัคคี มุนียะ
ให้ภาวนาก่อนนอน ก่อนออกเดินทางหรือสวมใส่ เปิดร้านค้าขาย อธิฐานขอพร ขอโชค
ขอลาภ สมปรารถนาทุกประการ ท่อง 3-5-7-9 จบ

 

หรือ

 

นะมะ อะอุ อัคคิจักขุ จิปิเสคิ อัคคิจักขุ ปิเสคิจิ อัคคิจักขุ เสคิจักขุ คิจิปิเสเส (3 จบ)

 

หรือบทใดบทหนึ่งดังนี้...

 

บทที่ ๑ อมโสธายะสวาหับ
บทที่ ๒ หะดะกะยะเตวาระสีมณีสวาหะ
บทที่ ๓ นะโมพุทธายะ สิตัสสะเกสา นะโมพุทธายะ
บทที่ ๔ ใช้เสกน้ำลายทาตาเป็นฤาษีตาไฟ จะปุปะ เสกน้ำลายทาตาขวา อะภูภะ เสกน้ำลายทาตาซ้าย
บทที่ ๕ อมอัคคิสิริเอติละหุถะมะโจโร
บทที่ ๖ อมระสีตาอัคคิสวหะ
บทที่ ๗ โอมอย่านะ พุทธัง ปีศาจจังงัง อะระหัง ปิติอิ
คาถาฤาษีตาไฟฝูงนี้ใช้ท่องบ่นป้องกันภูตผีปีศาจ สัตว์ร้ายต่างๆ รวมทั้งเขี้ยว งา ได้อีกด้วย

 

หรือ

 

โอมฤฤามหาฦฦานะมัสสิตะวาปู่ฤาษีตาไฟสิทธิเตโชมหาปุญโญมหายะโส
มหาลาโภอิทธิฤทธิ์ประสิทธิเมฯ บูชาด้วยผลไม้๕อย่างพวงมาลัยดอกไม้หมากพลูบุหรี่นํ้าสะอาดหนึ่งแก้วนํ้าชาหนึ่งแก้วขนมหวาน
จุดเทียนสองเล่มจุดธูป๕ดอกอย่างน้อยอย่างมาก๑๖ดอกตามแต่วาละตามแต่จะสะดวกให้บูชาครู
ทุกวันพฤหัสบดีตอนเช้าหรือไม่ก็ทุกวันพระก็ดียิ่งหรือตามแต่ท่านจะสะดวกก่อนจะสวดคาถาให้สวด
บทชุมนุมเทวดาเสียก่อนแล้วค่อยสวดบทบูชาปู่ฤาษีและบอกกล่าวเทพเอ่ยพระนามเทพที่ท่านบูชาอยู่
ทุกๆพระนามก็ได้ตั้งมั่นศรัทธาไม่สงสัยท่านจักอยู่กับท่านแลฯ

 

 

 

 

"พระพรหม"
มหาเทพผู้สร้างโลกและลิขิตชีวิตมนุษย์

พระพรหม คือ พระเจ้าผู้สร้าง ผู้ลิขิตความเป็นไปของทุกสรรพสิ่ง เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคน พระพรหมจึงเป็นผู้รู้ความเคลื่อนไหวของสรรพชีวิต เหตุการณ์สำคัญของโลกล้วนอยู่ในสายตาของพระพรหม พระพรหมคือมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งในสามตรีมูรติ ทรงรับฟังคำอธิษฐานของผู้ศรัทธาเสมอ ผู้บูชาพระพรหมและทำความดี จะได้รับการบันดาลพรให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา

พระพรหม มีพระนามหลากหลาย เช่น พระพรหมมา พระพรหมา พระพรหมธาดา ท้าวมหาพรหม ปชาบดี อาทิกวี อาตมภู โลกาธิปดี ฯลฯ

ผู้ศรัทธาในพระพรหม เมื่อสวดบูชาต่อพระองค์แล้ว พระองค์จะประทานปัญญาในการประกอบอาชีพ ปกป้องให้ห่างจากศัตรู ประทานความแข็งแรง ความรู้แจ้ง ชี้แนะแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ และมอบความบริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณแก่ผู้นั้น

พระพรหมทรงโปรดความเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย มีพระทัยอ่อนโยน รักสรรพชีวิตที่พระองค์สร้างมาเสมอ เมื่อผู้ศรัทธาต้องการสักการะ พระพรหมก็โปรดการจัดการอย่างเรียบง่าย มีความตั้งใจ แต่ไม่ใหญ่โตวุ่นวาย พระองค์โปรดให้ลูกศิษย์สวดภาวนาว่า "สัก ชิต เอกัม พรหมมา" หรือ "โอม อาฮัม พรหมมา อัสมิ" เป็นร้อยๆ พันๆ หมื่นๆ แสนๆ เที่ยว และให้นั่งสมาธิตั้งจิตเพ่งไปที่พระองค์ การที่ผู้ศรัทธาได้อยู่กับพระพรหมตามลำพัง นั่งสมาธิและสวดภาวนาให้นานที่สุด พระองค์จะโปรดมาก เพราะพระองค์ทรงสอนว่า การนั่งอยู่กับที่และระลึกถึงพระองค์ บริโภคมังสวิรัติ ไม่ออกไปสร้างสิ่งเดือดร้อนให้ผู้อื่น คือการตอบแทนพระคุณพระพรหมได้ดีที่สุด

--- การบูชาพระพรหม ---

แท่น หรือ หิ้งบูชา
ถ้าองค์เทวรูปมีขนาดใหญ่ ควรสร้างเป็นศาลอยู่นอกอาคาร
แต่ถ้ามีขนาดไม่เกิด 1 ศอกสามารถประดิษฐานในบ้านได้
และเนื่องจากพระพรหมมี 4 พระพักต์ การจัดวางเทวรูปในบ้านจึงไม่ควรให้พระพักต์ใดพระพักต์หนึ่งหันไปชิดผนังมากเกินไป
ควรเว้นระยะออกมาจากผนังพอสมควร ถ้าเป็นเทวาลัยหรือศาลนอกบ้าน จะต้องเป็นเทวาลัยที่เปิดออกทั้ง 4 ทิศ
โต๊ะหมู่บูชาและการทาสี ควรใช้ผ้า สีขาว สีเหลือง สีชมพู หรือสีอ่อนๆไม่ฉูดฉาดและห้ามใช้สีดำ

การกราบไหว้พระพรหม
หากสถานที่กราบไหว้เป็นเทวาลัยขนาดใหญ่ ควรไหว้พระพรหมให้ครบทั้ง 4 พระพักตร์
เริ่มจากพระพักต์กลาง เดินวนไปตามเข็มนาฬิกา จนกลับมาที่เดิม

เครื่องบูชา เครื่องสังเวยต่างๆ
ดอกไม้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกมะลิ ดาวเรือง ดอกบัว ดอกโมก
กำยานและธูป ใช้จุดได้ทุกกลิ่น
อาหารที่ถวาย ควรเป็นขนมหวาน รสอ่อน ไม่ปรุงรสมากเกิน ไม่เค็มจัด ไม่ผสมสี เน้นธรรมชาติให้มากที่สุด
ผลไม้ ถวายได้ทุกชนิด แนะนำมะพร้าว สาลี่ ชมพู่ กล้วย
สามารถถวาย ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ข้าวสาร ข้าวหุง เมล็ดถั่วต่างๆ งาขาว งาดำ ลูกเดือย เผือก มัน สมุนไพร เมล็ดพริกไทย ผักชี
ใบกระเพรา พืชผักสดต่างๆ (ของทุกอย่างจะสุกหรือไม่สุกก็ได้ เช่น ผักสดก็ถวายได้ ผักต้มสุกก็ถวายได้) ห้ามถวายเนื้อสัตว์เด็ดขาด
บทสวดมนต์บูชาพระพรหม
ก่อนสวดบูชาพระพรหม ต้องสวดบูชาพระพิฆเนศก่อนทุกครั้ง ซึ่งเป็นกฎการไหว้เทพของศาสนาพราหมณ์ทุกนิกาย
บทสวดพระพรหมของพราหมณ์
(เลือกสวดบทใดก็ได้)

- โอม อาฮัม พรหมมา อัสมิ (บทสวดหลัก)

- โอม สารบัม กฮาลวิดาอี พรหมมา

- สัต ชิด เอกัม พรหมมา

- โอม พรหมมะเน นะมัส

- โอม พรหมมา เทวา นะมัสเต

- โอม สารเว ภะโย พรหมมา เนพะโย นะมะฮา

- โอม ปรเมศะ นะมัสการัม โองการะ นิสสะวะรัม
พรหมเรสะยัม ภูปัสสะวา วิษณู ไวยะทานะโมโทติลูกะปัม
ทะระมา ยิกยานัม ยะไวยะลา คะมุลัม
สทานันตะระ วิมุสะตินัม
นะมัสเต นะมัสเต
จะอะการัง ตะโถวาจะ เอตามาตาระยัต ตะมันตะรามา
กัตถะนารัมลา จะสะระวะปะติตัม
สัมโภพะกะละ ทิวะทิยัม มะตัมยะ

- โอม จตุรมุขคาย วิดมาเฮ
ฮันษา รุทยา ดีมาฮี
ตันโน พรหมมา ประโจทะยาตุ

- โอม จตุรมุขคาย วิดมาเฮ
กามันดาลุทารัย ดีมาฮี
ตันโน พรหมมา ประโจทะยาตุ

- โอม ปรเมศวราเย วิดมาเฮ
ปารตัตวาเย ดีมาฮี
ตันโน พรหมมา ประโจทะยาตุ

- โอม นะโม ราโช ชุเศอิ สริสตะอุ
สติตะอุ สัตตะวา มายายะชา
ทะโม มายายะ สัมหะริเนอิ
วิศวารูปายะ เวทาเสอิ
โอม พรหมมันไย นะมะฮา

- โอม อีม หรีม ชรีม กลีม สาอะห์ สัต ชิด เอกัม พรหมมา

---------------------------------------------------------------

บทสวดสรรเสริญพระพรหม

โอม สารบัม กฮาลวิดาอี พรหมมา (3 จบ)
โอม สัตยัม กฮานัม อานันดัม พรหมมา
โอม สัตยัม กฮานัม อานันตัม พรหมมา
โอม สัตยัม กฮานัม อัมรึตัม พรหมมา
โอม สัตยัม กฮานัม อาบโฮยัม พรหมมา
โอม มยามาตมาฮา พรหมมา
โอม ปรากนอานาม อานันดัม พรหมมา
โอม ตัต สัต โอม

ความหมาย :
ทุกสรรพสิ่งในจักรวาล ถูกสร้างโดยพระพรหมมา
ขอน้อมสักการะพระพรหมมา ผู้เป็นความจริงอันสูงสุด
พระองค์คือความสุข พระองค์คือสรรพความรู้
พระองค์คือสิ่งที่อยู่อย่างนิรันดร์
พระองค์คือสิ่งอันเป็นอมตะ
พระองค์คือสิ่งผู้กล้าหาญเหนือผู้อื่นใด
สรรพความรู้และความสุขทั้งหลายคือพระพรหมมา
ทุกอนูของเราทั้งหลายจึงขอถวายแด่พระพรหมมา
---------------------------------------------------------------


บทสวดพระพรหมของพุทธ
(เลือกสวดบทใดก็ได้)

- โองการพินธุนาถัง อุปปันนัง
พรหมมาสะหะปะตินามะ
อาทิกัปเป สุอาคะโต ปัญจะปะทุมมังทิสะวา
นะโมพุทธายะ วันทะนังฯ

- โอม พรหมมะเณ นะมะ โองการพินทุ นาถังอุปปันนาถัง
สุอาคะโต ปัญจะปะทุมมัง
พรหมมาสะหัมปะตินามัง ทิสสะวา นะโมพุทธายะ วันทานัง

- โอม พระพรหมมา ปฏิพาหายะ
ทุติยัมปิ พระพรหมมา ปฏิพาหายะ
ตะติยัมปิ พระพรหมมา ปฏิพาหายะ

- พรหมมาจิตตัง ปิยังมะมะ
นะชาลีติ นะมะพะทะ
นะมะอะอุ เมกะอะอุ

- ปิโย เทวะ มะนุสสานัง ปิโย พรหมมา นะมุตตะมัง
ปิโย นาคะ สุปันณานัง ปินินทะริยัง นะมามิหัง
---------------------------------------------------------------
การกราบไหว้สักการะเทวรูปพระพรหม
หากไม่แน่ใจว่าเป็น พระพรหมของฮินดู (ผู้สร้างโลก)
หรือเป็น พระพรหมของพุทธศาสนา (ผู้ทรงพรหมวิหาร)
แนะนำให้สวดบูชาทั้ง 2 คติเลย ซึ่งไม่เป็นการผิดบาป
เนื่องจากการสักการะเทวรูปพรหมในคติหนึ่งแล้วระลึกไปถึงอีกคติหนึ่ง
จะนำมาซึ่งสิริมงคลทั้ง 2 ศาสนา (พุทธ-พราหมณ์)

ขอบคุณเว็บไซต์สยามคเณศ http://www.siamganesh.com

 

 

"พระตรีมูรติ"
มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล ประทานความสมหวังทุกประการ

"พระตรีมูรติ" นั้นเป็นถึงเทพเจ้าที่ ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะมีศักดิ์สูงสุดในศาสนาพราหมณ์
เนื่องจากเป็นการรวมกันของมหาเทพที่ยิ่งใหญ่ถึง 3 พระองค์ด้วยกัน คือ พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ
ลำพังมหาเทพทั้ง 3 นี้ แต่ละพระองค์ ก็ประทานพรแก่ผู้ทำความดีได้ ทุกประการ อยู่แล้ว
การที่ทั้ง 3 ท่านได้มารวมพระวรกายกันเป็นหนึ่งเดียว ก็ยิ่งมีอานุภาพประทานพรได้กว้างและลึกยิ่งขึ้น
ดังนั้น ผู้ที่เข้าใจผิดพากันกล่าวกันว่า "พระตรีมูรติ" เป็นเพียงเทพเจ้าผู้ประทานความสมหวังในด้าน "ความรัก" เท่านั้น
ถือเป็นการไม่ให้เกียรติ และเป็นการลบหลู่ ดูถูกเทวานุภาพของ "พระตรีมูรติ" เลยทีเดียว
แท้จริงแล้วพระองค์มีพลังมากมายกว่าที่หลายๆคนคาดคิด หากขอพรด้วยความตั้งมั่นและประพฤติตนเป็นคนดีแล้ว
พระตรีมูรติ ผู้ยิ่งใหญ่ สามารถให้พรผู้ศรัทธาได้มากกว่าที่จะคาดถึงได้

คาถาบูชาพระตรีมูรติ

(ก่อนสวดบูชาต่อพระตรีมูรติต้องสวดมนต์กับพระพิฆเนศก่อนเสมอ)

สามารถสวดบูชาพระตรีมูรติด้วยมนต์บูชาเทพทั้งสามแยกกัน คือ
พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ
โดยสวดทั้งสามพระองค์แยกกัน สามารถเรียงท่านใดขึ้นก่อนก็ได้
ซึ่งบทสวดบูชาเทพแต่ละองค์มีแนะนำในหน้าต่อไปนี้
พระพรหม , พระวิษณุ , พระศิวะ

หรือเลือกสวดมนต์สำหรับบูชาพระตรีมูรติโดยเฉพาะดังต่อไปนี้...
สามารถเลือกสวดบทใดบทหนึ่ง หรือสวดหลายๆ บทร่วมกันได้

1. โอม ทัตตาเตรยะ นะมะฮา

2. โอม ศรี สัตกุรุ ทัตตาเตร ยายะ นะมะฮา

3. โอม ศรี ชยะ คุรุ ทัตตะ นะโม นะมะ

4. โอม ทัตตาเตรยะ วิดมาเฮ / อะตรี ปุตรายะ ดีมาฮี
ตันโน ทัตตะ ประโจตยาต

5. โอม สารวะ อะพาระทะ นาศายะ / สารวะ ปาปะ หะรายะ ชะ
เดวา เดวายะ เดวายะ / ศรี ทัตตาเตรยะ นะโมสตุเต

6. คุรุพรหมมา คุรุวิษณุ คุรุเทโว มเหศวรา
คุรุสักชัท ปรพรหมมา / ทัศไมศรี คุรุเว นะมะฮา

7. โอม ชยะ ลาภาธิขะรา ศรี ทัตตะสัตวัม
หริ โอม ตัต สัต ชยะ คุรุทัตตา โอม

8. สารวะ อาปะราทะ นาศายะ
สารวะ ปาปะ หะรายะ ชะ
เดวา เดวายะ เดวายา
ศรี ทัตตาเตรยะ นะโม สตุเต

9. โอม ศรี ปรพรหมมา ศรี ปรมัทมะเน นะมะฮา
อุบัตติ สิทธิ ประลายะ กะรายะ พรหมมา
หะริหะรายะ ตะรุปุนาทะมานา
สารวะ เกาธุกา นิธาระศายะ ธาระศายะ
ทัตตะเตรยา นะมะฮา
ตันธระ มันธระ สิทธิ คุรุ สวาหะ
10. บทสวดพระตรีมูรติ ที่ปรากฎ ณ ศาลพระตรีมูรติหน้า Centralworld กรุงเทพ
สาธุ สาธุ สาธุ อุกาสะ ข้าแต่องค์พระตรีมูรติที่ยิ่งใหญ่ข้าพเจ้า (ชื่อ-นามสกุล)
กราบเบื้องบาทแด่องค์ท่านแล้ว พระองค์เคยประทานพรแด่ทวยเทพทั้งหลาย
ผู้ปฏิบัติดี ผู้ปฏิบัติชอบทั้งหลาย บัดนี้ข้าพเจ้ามากราบเบื้องบาทแด่พระองค์ท่านแล้ว
จึงขอพระจากพระองค์ซึ่งประทานไว้ ณ บัดนี้ (...ขอพร...)
เตสัง อัมหากัง พรใดอันประเสริฐจงมาบังเกิดแด่ข้าพเจ้า
ตุ มหากัง และจงบังเกิดแด่ผู้คุ้มครองข้าพเจ้า
ฑีฆายุกา มหาเดชา มหาปัญญา มหาโภคา มหายะสา มหาลาภา
ปัญจวีสติ ภยันจะ ทวัตติงสะ ฉันนะวุฒิติโรคัญจะ โสระสะ
อุบัติ อันตรายยัญจะ อัยยัญติกะ อันตรายยัญจะ พาหิระ อันตรายยัญจะ
วิระหิตะวา โหตุ ยาวะชีวัง พระวิสตีติ พระตรีมูรติ...

ขอขอบคุณ http://www.siamganesh.com/trimurti.html

 

 

 

 

ท้าวเวสสุวรรณ

เทพแห่งความมั่งคั่ง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก amulet.in.th

ท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัน) หรือในภาษาพราหมณ์เรียกว่า "ท้าวกุเวร" ถ้าในพระพุทธศาสนาจะเรียก "ท้าวไพสพ" เป็นอธิบดีแห่งอสูร หรือเจ้าแห่งภูตผีปีศาจทั้งหลาย โดย ท้าวเวสสุวรรณ เป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ประทับทางทิศเหนือมีอสูร รากษส และภูตผีปีศาจเป็นบริวาร

ท้าวเวสสุวัณ มีกำเนิดจากหลายตำนาน แม้กระทั่งใน ลัทธิของจีนฝ่ายมหายานว่า ท้าวโลกบาลทิศอุดรมีชื่อว่า ”โตบุ๋น” เป็นขุนแห่งยักษ์มีพวกยักษ์บริวารมีกายสีดำ ถือดวงแก้วและงู ทางทิเบตมีกายสีทองคำถือธงและพังพอน ทางญี่ปุ่น ถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภนามว่า " พิสะมอน " ถือแก้วมณีทวนและธงตามที่ได้พรรณนามานั้นเป็นเพียงประวัติย่อๆของท้าวเวสสุวัณเพื่อชี้ให้เห็นว่าท่านมีความสำคัญมาก

ท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวรคือ ไฉ่ซิ่งเอี้ย ในนิกายมหายาน ไฉ่ซิงเอี๊ย (Tsai Shen Yeh) คือเทพเจ้าแห่งโชคลาภของชาวจีน, ชัมภาลา (Jambhala) ของชาวธิเบต, คูเบร่า (Kubera) ของชาวฮินดู หรือ ท้าวเวสสุวรรณ (Vaisrava*) ของฝ่ายหินยาน
กล่าวว่า เทพไฉ่ซิงเอี๊ย เป็นเทพผู้คุ้มครองทิศเหนือแห่งจตุโลกบาล ผู้เป็นเจ้าแห่งยักษ์ทั้งมวล เป็นลูกพี่ลูกน้องกับทศกันฑ์ ชื่อ คูเบร่า (Kubera) หรือ คูเวร่า (Kuvera) เป็นชื่อในชาติก่อนซึ่งเกิดในวรรณะพราห์ม มีที่ดินมากมาย และได้บริจาคที่ดินทั้งหมดให้เป็นทาน ทำให้ตายแล้วไปเกิดใหม่บนสวรรค์ด้วยความดีนี้เอง

บางครั้งไฉ่ซิงเอี๊ยจะพบในท่านั่งบนหลังเสือหิมะ ซึ่งเป็นเจ้าแห่งสัตว์ในดินแดนส่วนเหนือที่ท่านดูแล
พระคาถา
Om Jambhala Jalenja*ye Svaha
โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน สะวาหะ

ท้าวเวสสุวัณประทับเสนาบดียักษ์ จอมเทพแห่งอตุรทิศ ผู้บันดาลความร่ำรวยและขจัดภูติผีปีศาจเทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติ จ้าวแห่งยักษ์หมั่นบูชา ทำให้ทรัพย์เพิ่มพูนทวี

คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ

ในคัมภีร์โบราณ กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร ตามคาถาบูชาต่อไปนี้

 

คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร (บูชาประจำวัน)

 

ตั้ง นะโม 3 จบ

อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ

มรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต

เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ

 



คาถาบูชา ตั้งนะโม ๓ จบ ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ และหลวงปู่กาหลง
อิติปิโส ภะคะวา ยมราชาโน ท้าวเวสสุวัณโน มรณังสุขัง อหังสุคโต นโมพุทธายะ ท้าวเวสสุวัณโน จตุมหาราชิกา ยักขพันตาภัทภูริโต เวสสะพุสะ พุทธังอรหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวัณโน นโมพุทธายะ

ภาวนาพระคาถานี้ ๙จบ แล้วตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากท่านท้าวเวสสุวัณ จะสำเร็จสมความมุ่งมั่นปรารถนา ปกป้อง คุ้มครองตัว เดินทางปลอดภัยปราศจากอุบัติเหตุภยันอันตรายทั้งปวง หากบูชาในช่วงระยะเวลา ๓ เดือนขึ้นไป จะสังเกตุได้อย่างดีว่ามักจะมีโชคมีลาภลอยมาอยู่เสมอบรรดาภูตผีทั้งหลายต่างเกรงกลัวกันนัก
หากต้องการสักการบูชาขอพร หรือปรารถนาสิ่งใดๆให้กระทำในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ โดยบูชาด้วย กุหลาบแดง ๙ ดอก จุดธูป ๙ดอกภาวนาคาถานี้ ๙ จบแล้วตั้งจิตอธิษฐานตามความปรารถนา จะประสพผลสำเร็จทุกประการ หรือ จะภาวนาคาถานี้เวลาเดินทางไปค้างแรมต่างถิ่น
หากต้องการจะขับไล่คนถูกผีเข้าหรือบ้านเรือนที่มีความเฮี้ยน ความอาถรรพณ์ของวิญญาณแอบแฝงอยู่ หรือขับไล่คุณไสย์เสนียดจัญไรออกจากตัวให้อารธนารูปหล่อท้าวเวสสุวัณแช่ในขัน เพื่อทำน้ำมนต์ จุดธูป ๙ ดอก เทียน ๒ เล่ม และใช้เทียนอีก ๑ เล่มวางบนขอบขขันน้ำมนต์ ทำจิตให้เป็นสมาธิตั้งนโม ๓ จบบูชาพระรัตนไตร แล้วว่าพระคาถานี้ โอมท้าวเวสสุวัณผู้เป็นใหญ่ในหมู่อสูร ท้าวเธอจึงใช้ให้กูมากำหราบปราบหมู่มารไพรี ฝูงผีปีศาจ ราชทูต ผีภูติ ผีพรายอันร้ายกาจทุกแห่งหนสูจะทนทาน กูอยู่มิได้พวกสูจงเร่งพากันหนีไปให้พ้นกูจะปัดจะพ่นด้วย พระมนต์อันศักดา ท้าวกุเวรมหาราชประสิทธิไว้ให้กู เวสสุวัณโนมหาราช เวสสะวุธทัสสะ อัตถะมหายักขังเสนาสุขิตา ภวันตุเม โอมสวาหะ สวาหายฯ

มนต์บทนี้ใช้ทำน้ำมนต์หากมีคนถูกผีเข้าหรือทำให้ถูกคุณไสย์มนต์ดำให้เขากินน้ำมนต์นี้ พร้อมกับรดน้ำมนต์ไปและภาวนาคาถานี้พร้อมกันไปด้วย ผีที่เข้าสิงจะออกจากร่างคนนั้นพากันหนีไปสิ้น หากต้องการปัดเป่าเสนียดจัญไรออกจากตัวเองให้อาบน้ำมนต์นี้บริเวณกลางแจ้งก่อนเวลาตะวันตกดิน หรือจะภาวนามนต์ทั้งหลายนี้อาราธนารวมกันกับพระคาถาในตอนต้นก็ได้ ยิ่งทวีความศักดิ์สิทธิดีนักแล
พระคาถาต่างๆนี้มีปรากฏในตำราคัมภีร์โบราณแท้ๆซึ่งเป็นลายมือ หลวงพ่อเนียม ครูบาอาจารย์ของหลวงปู่กาหลง โดยท่านมีศักดิ์เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยมีเนื้อความอัญเชิญพระพุทธคุณ และอำนาจทิพย์แห่งท้าวเวสสุวัณมาสถิตในร่างกาย พร้อมอัญเชิญอำนาจแห่งเสนาบดียักษ์ของท้าวเวสสุวัณมาช่วยเสริมอำนาจพลังต่างๆเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ผู้บูชาดีนักแล

 

ขอขอบคุณที่มา http://horoscope.kapook.com/view15559.html และ http://www.akefuture.com/know_detail.asp?id=71

 

 

 

พระวิษณุ (พระนารายณ์)
มหาเทพผู้ปกปักรักษาโลกมนุษย์

พระพรหม หรือ พระพรหมมา เป็นมหาเทพ ผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
พระวิษณุ หรือ พระนารายณ์ เป็นมหาเทพ ผู้ดูแลรักษาทุกสรรพสิ่ง
พระศิวะ หรือ พระอิศวร เป็นมหาเทพ ผู้ทำลายทุกสรรพสิ่ง

มหาเทพทั้ง 3 พระองค์นี้ เมื่อรวมกันจะเรียกว่า พระตรีมูรติ องค์พระเป็นเจ้าแห่งพลังอำนาจทั้งสามประการ ผู้เป็นพระเป็นเจ้าแห่งสรรพชีวิตทั้งปวง

พระวิษณุ ทรงมีเทวานุภาพขจัดเหล่ามารและสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง พระองค์ทรงคุ้มครองทุกสรรพชีวิต ทรงบันดาลอำนาจวาสนาแก่มนุษย์ทุกคนที่ระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ อสูรและเหล่ามารทุกตนล้วนแล้วแต่เกรงกลัวอานุภาพแห่งพระองค์

แท่นบูชาพระวิษณุ


โต๊ะ หิ้ง หรือแท่นบูชาพระวิษณุ ควรปูด้วยผ้า สีทอง สีเหลือง สีแดง หรือสีขาว (ห้ามสีดำล้วน ถ้าสีดำควรมีลายทอง) เครื่องบูชาถ้าเป็นโลหะควรเป็นสีทอง ถ้าเป็นหินอ่อนควรเป็นสีขาว เช่น เชิงเทียนควรทำจากโลหะทองเหลือง หรือกระถางธูปควรเป็นหินอ่อน (แต่ก็เป็นในแง่ของสัญลักษณ์และความหมายเท่านั้น หากจัดหาไม่ได้ก็ให้จัดวัสดุหรือสีอื่นทดแทนได้)

 

ดอกไม้บูชาพระวิษณุ


พระองค์โปรดดอกไม้ทุกชนิด และเป็นพิเศษคือ ดอกบัว ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบ ดอกกล้วยไม้ ทุกสีทุกพันธ์

 

ธูป กำยาน เครื่องหอม


แนะนำให้ใช้กลิ่น มะลิ ไม้จันทน์ หรือ ไม้กฤษณา ควรเผากำยานหอมถวายเป็นประจำ สามารถใช้กำยานจุดแทนธูปได้ น้ำมันหอมระเหยแบบอะโรมากลิ่นต่างๆก็สามารถใช้ได้เช่นกัน

 

เทศกาลสำคัญสำหรับพระวิษณุ


วันบูชาพระวิษณุเรียกว่า วันเอกาดาศี (Ekadashi) ตรงกับวันขึ้นและแรม 11 ค่ำของทุกๆเดือน ปีหนึ่งจึงมีวันเอกาดาศี รวมเป็นจำนวน 24 วัน และใน 24 วันนี้จะมีอยู่วันหนึ่งเป็นวันพิเศษ ชื่อว่า วันนิรจาลา เอกาดาศี (Nirjala Ekadashi) ในวันนี้ศาสนิกชนชาวฮินดู ทั้งผู้นับถือพระวิษณุ และผู้นับถือพระศิวะและพรพรหม จะอดอาหารและน้ำทั้งวัน เพื่อจัดพิธีบูชาพระวิษณุอย่างยิ่งใหญ่ มีการถวายน้ำ ปัญจมาริตา (Panjamarita) คือ น้ำนมสด เนยสด นมเปรี้ยว น้ำผึ้ง และน้ำตาล มีการถวายหญ้าแพรกและดอกไม้นับหมื่นนับแสนดอก เทวาลัยและวัดต่างๆมีกลิ่นหอมตลบอบอวลไปด้วยธูป กำยาน เครื่องหอมนานาชนิด สวดบูชาและท่องมหามนต์แห่งพระวิษณุตลอดคืน จนถึงเช้าตรู่ของอีกวัน

คาถาบูชาพระวิษณุ

ก่อนการสวดบูชาต่อพระวิษณุ
ต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ


เมื่อได้กระทำการสวดบูชาพระวิษณุด้วยจิตที่ตั้งมั่นและหมั่นทำความดีอยู่เสมอ พระองค์จะประทานความสุข ความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นพระเจ้าผู้ช่วยเหลือให้ผู้บูชาฟันฝ่าอุปสรรค ช่้วยแก้ไขปัญหา ประทานอำนาจบารมี และคุ้มครองชีวิตให้ปลอดภัย
บทสวดมนต์พระวิษณุนารายณ์นั้นมีหลายบท ให้เลือกสวดได้ดังต่อไปนี้

- โอม นะโม นารายะนา ยะนะมะฮา

- โอม ศรี นารายณ์ โอม

- โอม วิษณุ เวนะมะ

- โอม นารายะนา เวนะมะ

- โอม นารายะนายะ นะมัส สวาฮา

- โอม วิษวา มิทรา ปริยายะ นะมะฮา

- โอม ชยะ ศรี วิษณุ รามะ กฤษณา ยะนะมะฮา

- โอม นะโม นารายะณา นามะ ภะวันตุเม
ทุติยัมปิ นะโม นารายะณา นามะ ภะวันตุเม
ตะติยัมปิ นะโม นารายะณา นามะ ภะวันตุเม

- โอม ศรี วิษณุ นะโม นะมะฮา
โอม ศรี กฤษณา นะโม นะมะฮา
โอม ศรี รามจันทรา นะโม นะมะฮา
โอม มหา นารายะนา นะโม นะมะฮา

- โอม ศานตะการัม ภุชะคะศายะนัม ปัทมานาภัมสุ เรศัม วิศวาธารัม คะคานะสัทฤศัม เมฆาวารณัม ศุภางคัม
ลักษมีกานธัม กามะลานะยานัม
โยคิภีร์ ธยานะกัมยัม วันเทวิษณุม
ภวะภยาะหารัม สารวา โลกัยนาธาฮัมฯ

- โอม เมกาศยามัม ปีธา เกาเสยา สาสัม
ศรีวาธสางกัม เกาสะธูโภธะบา อสิธางกัม
ปัญโญเภธัม ปัญดารีกายาธะศากัม
วิษณุม วันเท สารวาโลกัยกา นาถัม

- โอม สะศางขะจักรัม สะกิริตะ กุณตะลัม สปิตะวัสตรัม สะระสีรูเหกษณัม สะหาระวักษะสถะละ เกาสตุภะ ศริยัม นะมามิ วิษณุม ศิระสา จตุรภุซัมฯ

- โอม หะระติทิสะ นารายะณะเทวะตา
สะหะคะณะปะริวารายะ อาคัจฉันตุ ปะริกุญชะตุ สะวาหะ สะวาหายะ
โอม สัพพะอุปาทะวะ สัพพะทุกขะ สัพพะโสกะ สัพพะโรคะ สัพพะภะยะ
สัพพะอุปัททะวะ สัพพะศัตรู
วินาสายะ ปะมุจจันติ โอม นารายะณเทวะตา
สะทา รักขะตุ สะวาหะ สะวาหายะ

- โอม นารายะนายะ วิดมาเฮ
วะสุเดวายะ ดีมาฮี / ตันโณ วิษณุ ประโจดะยาต
(บูชาพระวิษณุ)

- โอม ดาสาราธาแย วิดเมเฮ
สิทา วัลลาภายะ ดีมาฮี / ตันโณ รามะ ประโจดะยาต
(บูชาอวตารพระราม)

- โอม ดาโมธาราเย วิดเมเฮ
รุขะมณี วัลลาภายะ ดีมาฮี / ตันโณ กฤษณา ประโจดะยาต
(บูชาอวตารพระกฤษณะ)

- โอม ศรี วิษณุ / ชยะ วิษณุ / ชยะ ชยะ วิษณุ
โอม ศรี รามา / ชยะ รามา / ชยะ ชยะ รามา
โอม ศรี กฤษณา / ชยะ กฤษณา / ชยะ ชยะ กฤษณา
(บูชาพระวิษณุ พระราม พระกฤษณะ)

ขอบคุณเว็บไซต์สยามคเณศ http://www.siamganesh.com

 

 

 

พระขันทกุมาร

มหาเทพนักรบแห่งสวรรค์

 

พระขันทกุมาร มหาเทพองค์นี้มีชื่อใกล้มาทางฝ่ายไทย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระพิฆเนศ ในอินเดียเรียกพระขันทกุมารนี้ว่า สกันทะ (ผู้โลดเต้น ผู้ทำลาย) , กรรตติเกยะ (บางแห่งเขียนว่า การัตติเกยะ) อินเดียตอนใต้เรียก สุพราหมัณเย ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือมาก

ตามหมู่บ้านทั้งหลายในอินเดีย จึงนิยมตั้งศาลสักการะบูชาพระขันธกุมารกันแทบทุกหมู่บ้าน

พระขันธกุมารมีพระชายา 2 พระองค์ เท่ากับพระพิฆเนศ คือ พระนางเทวเสนา และ นางวัลลี ซึ่งเป็นเจ้าหญิงของชาวลังกา พิธีแต่งงานมีขึ้นที่นิมฝั่งแม่น้ำมานิก ต่อมานิคมแห่งนี้เรียกว่า กรรตติเกยะคาม ดังนั้น คนพื้นเมืองแถบนี้จึงนับถือพระขันธกุมารและยางวัลลรเป็นเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน

ในอินเดียนั้นมีพิธีบูชาพระขันธกุมาร ในวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 5 (จิตรมาส) พิธีนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โลหะอภินิหาร ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระองค์โดยตรงในฐานะที่พระองค์เป็นชาตินักรบมาตั้งแต่เยาว์วัย

พระขันทกุมาร มีพระนามเรียกมากมาย เช่น
มหาเสนา (เทพเจ้าแห่งสงคราม) ชาวไทยนำคำนี้มาใช้เป็นชื่อตำแหน่งทางการทหาร
เสนาบดี (เป็นใหญ่ในหมู่นักรบ) ชาวไทยนำคำนี้มาใช้เป็นชื่อตำแหน่งทางการทหาร
สิทธิเสนา, ตารกชิต, ทวาทศกร, ทวาศากย์, สกันทะ, การติเกยะ, สุพราหมัณย เป็นต้น

พรแห่งพระขันทกุมาร

เนื่องจากพระองค์คือเทพแห่งสงครามและการต่อสู้ ผู้บูชาพระขันทกุมารทุกคน จึงได้รับความคุ้มครองจากพระองค์
พระองค์จะประทานความกล้าหาญชาญชัย ความเป็นผู้นำผู้อื่น ความมีศักดิ์ศรีในสังคม

นอกจากพระขันทกุมารจะประทาน ความคุ้มครอง แล้ว ยังประทาน กำลังกาย กำลังใจ ในการกระทำการต่างๆให้ลุล่วง
พระองค์ไม่โปรดความอ่อนแอ ขี้ขลาด ลังเลใจ รวมถึงความอิจฉาริษยา

คาถาบูชาพระขันทกุมาร

มีหลายบทเลือกสวดบทใดบทหนึ่ง (หรือสวดทั้งหมด)
***** ก่อนการสวดบูชาพระขันทกุมาร จะต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ *****

1. โอม สกัณทะ ยะนะมะฮา

2. โอม การติเกยะ นะมะฮา

3. โอม ศรี สะระวัน ภะวายะ นะมะฮา

5. โอม มูรุกัน นะมะฮา

5. โอม ชยะ ศรี มหา สกันทายะ นะมะฮา

6. โอม ไจย ปิไลยาร์ มูรุกัน นะมะฮา
(คือการสวดบูชาพระพิฆเนศและพระขันทกุมารพร้อมกัน)

7. โอม ชยะ ชยะ มหาวีระ ภัควาน ศรี สกันทะ นะโม นะมะฮา

8. โอม ตัตปุรุศายะ วิทมาเห
มหาเสนา ยะ ดีมาฮี
ตันโน สกันทะ ประโจธยาตุ

9. โอม ศักติธาริณัม ตาระกะชิตัม ทวาทศการัม
สะระชัม เกราญจะภิทัม ยุทธรางคัม อุชุกายัม คังคาปุตรัม
มนุระอาสสะนัม เทวัม นะมามิ

10. โอม สะกันทะ เทวะ ชนะมาเรนัง อานุรัก ขันตุ
ทุติยัมปิ สะกันทะ เทวะ ชนะมาเรนัง อานุรัก ขันตุ
ตะติยัมปิ สะกันทะ เทวะ ชนะมาเรนัง อานุรัก ขันตุ

ขอขอบคุณ siamganesh.com

 

 

 

จตุคามรามเทพ

จตุคามรามเทพ หมายถึงเทพรักษาพระบรมธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราชสององค์ คือ ท้าวขัดตุคาม และ ท้าวรามเทพ ซึ่งเดิมในความเชื่อของศาสนาพราหมณ์เป็นเทพชั้นสูง และมีอยู่ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย แต่เมื่อภูมิภาคแถบอุษาคเนย์นี้รับอิทธิพลของพุทธศาสนาเข้ามา ท้าวขัดตุคาม และ ท้าวรามเทพ จึงถูกเปลี่ยนสถานะเป็นเทวดารักษาพระบรมธาตุและเปลี่ยนชื่อให้เป็นมงคลเป็น ท้าวจตุคาม และสถิตอยู่บนที่บานประตูทางขึ้นพระบรมธาตุ ในปี พ.ศ. 2530 เมื่อมีการตั้งดวงเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นใหม่ จึงมีการอัญเชิญจตุคามรามเทพไปสถิต ณ ที่นั้นเป็นต้นมา

ปัจจุบัน จตุคามรามเทพ ได้รับความนับถืออย่างกว้างขวาง โดยเชื่อว่าทรงฤทธานุภาพในทุก ๆ ด้าน ตามจารึกของชาวศรีวิชัยได้บอกว่า " มีอานุภาพดุจดังพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่ขจัดความมืดมัวในโลก " การขออธิษฐานจากพระองค์นั้นทำได้โดยมีเงื่อนไข 3 ประการ
1.อธิษฐานขอในสิ่งที่เป็นไปได้ โดยไม่ขัดต่อศีลธรรม
2.เมื่อได้รับสิ่งที่หวังแล้ว ต้องรักษาสัจจะที่ได้ให้ไว้กับพระองค์
3.ควรจะสร้างกุศลกรรมถวายแด่องค์จตุคามรามเทพ

แต่ที่สำคัญ อย่าลำพังเพียงอธิษฐาน ต้องสร้างกุศลกรรมให้แก่ตนเองให้ครบทุกด้านด้วย คือ ให้ทาน รักษาศีล และบำเพ็ญภาวนา

ในต้นปี พ.ศ. 2550 จตุคามรามเทพได้รับความนิยมอย่างยิ่ง จนกลายเป็นกระแสในสังคมไทย จากข่าวการพระราชทานเพลิงศพของขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตนายตำรวจมือปราบ ผู้ริเริ่มการจัดสร้างจตุคามรามเทพขึ้นเป็นบุคคลแรก ได้มีการสร้างจตุคามรามเทพขึ้นในวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีหลายรุ่น พระเกจิหลายองค์ปลุกเสก หลายคนพากันแย่งชิงจนเกิดเป็นเหตุให้ฆาตกรรมกันก็มี และผลจากกระแสนี้ส่งผลให้จตุคามรามเทพรุ่นแรกที่ผลิตออกมาในปี พ.ศ. 2530 มีราคาพุ่งไปถึงกว่า 40 ล้านบาท จากเดิมที่มีราคาเพียง 49 บาทเท่านั้น

คาถาสำหรับบูชาจตุคามรามเทพ

ตั้งสมาธิให้จิตใจสงบจากนั้นท่อง ( นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมามัมพุทธัสสะ) 3 จบ แล้วให้กล่าวตามบทสวดดังต่อไปนี้ "จะตุคามรามะเทวัง โพธิสัตตัง มะหาคุณัง มะหิทธิกัง อะหัง ปูเชมิ สิทธิลาโภ นิรันตะรัง นะโมพุทธายะ" ข้าพเจ้าขอบูชา ท้าวจตุคามรามเทพโพธิสัตว์ ผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ มีฤทธานุภาพไพศาล ขอความสำเร็จและลาภ จงมีแก่ข้าพเจ้า เป็นนิรันดร

คาถาองค์พ่อจตุคามรามเทพ
นะโม (3 จบ)
มอ ออ อออา ออฤา ถึง ออ ลือนาม จนถึง 12 นักษัตร อืออา ลือมา ถึงตัวข้า
ด้วย ออฤา องค์สุริยัน จันทรา มหาจักรพรรดิ
องค์ราชันดำ จตุคาม รามเทพ จัตตุโชค ศรีมหาราชโพธิสัตว์ พังพกาฬ
องค์จันทรภาณ ุ พญาชิงชัย พญาสุขุม พญาโหรา พญาขุนรักษ์ พญารองเมือง
เทวดาน้อย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่สถิตย์ ปกป้อง คุ้มครอง หลักเมือง นครศรีธรรมราช
ข้าพเจ้า นาย (นาง, นางสาว) ________________ ขอกราบสักการะ
ขอให้องค์พ่อ จงทรง ญาณบารมี ยิ่งยิ่ง ขึ้นไป บารมีของพ่อ แผ่ไพศาลไปทั่วไตรภพ
และโปรดช่วยคุ้มครอง ข้าพเจ้า ________________ และครอบครัวให้พ้นจาก
สรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย สรรพเคราะห์ เสนียดจัญไร
จงพ้นไปจากตัวของ ข้าพเจ้า และครอบครัว และ ข้าพเจ้า ________________ (ขอสิ่งต่างๆ ที่ต้องการ)
ข้าพเจ้า ขอขอบคุณ องค์พ่อที่ประทาน ความสุข ความเจริญ ให้แก่ข้าพเจ้า ________________
และกรรมดีที่ ข้าพเจ้า กระทำ ขออุทิศให้ ท่านพ่อ และตัวข้าพเจ้า

 

คาถาบูชาองค์จตุคาม รามเทพ
นะโม ตัสสะ ..... (๓ จบ)

"กินนุ สันตะละมาโน วะ ราหู สุริยัน ปมุตจะสิ สังวิคะรูโป อา คัมมะ กินนุ ภีโตวะ ติถะสีติ สัตตะทาเม ภะเล มุทธาชีวันโต นะสุขัง ละเภ พุทธคาภา ภิคิโหมหิ โนเจย มุตเจยยะ สุริยันติ"

"กินนุ สันตะละมาโน วะ ราหู จันทัง ปมุตจะสิ สังวิคะรูโป อา คัมมะ กินนุ ภีโตวะ ติถะสีติ สัตตะทาเม ภะเล มุทธาชีวันโต นะสุขัง ละเภ พุทธคาภา ภิคิโหมหิ โนเจย มุตเจยยะ จันทิมาติ"

จะตุคามรามะเทวัง โพธิสัตตัง มะหาคุณัง มะหิทธิกัง อะหัง ปูเชมิ สิทธิลาโภ นิรันตรัง นะโมพุทธายะ

ข้าพเจ้า ขอน้อมถวายสักการะ องค์สุริยัน จันทรา จันทภานุ ดวงตราสองแผ่นดิน ศรีวิชัย สุวรรณภูมิ พญาศรีธรรมโศกราช สิบสองนักษัตร พญาราหู ศรีมหาราชพังพระกาฬ พระเทวราชโพธิ์สัตว์จตุคามรามเทพ ขอเทวบารมีแห่งเทพทั้งปวง และ พระเทวราชโพธิ์สัตว์จตุคามรามเทพ องค์พ่อ อภิบาลปกปักรักษาข้าพเจ้าและ.................ให้อยู่ด้วยความสุขความเจริญ ก้าวหน้ามั่นคง ประสพความสำเร็จในชีวิตและการงาน อุดมด้วยลาภยศสรรเสริญ มั่งมีศรีสุข มีชัยชนะเหนือหมู่มาร ตลอดกาลนานเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

 

คำบูชาดวงตราพญาราหู องค์ราชันดำท่านพ่อจตุคามรามเทพ
ตั้งนะโม 3 จบ ระลึกถึงพระคุณแม่ธรณี

ข้าพเจ้าชื่อ ............... ขอน้อมถวายสิ่งสักการะแก่
สุริยัน จันทรา จันทรภาณุ พญาศรีธรรมโศกราช 12 นักษัตริย์
ดวงตราพญาราหู ศรีมหาราชพังพกาฬ องค์ราชันดำ
ท่านพ่อจตุคามรามเทพ
ขอบารมีท่านพ่อจตุคามรามเทพ
โปรด..........(แล้วแต่จะอธิษฐาน)

 

บทสรรเสริญ บูชาเทวสถาน ฉบับ วัดคอหงษ์ หาดใหญ่
ตั้ง นะโม ๓ จบ

องค์พ่อจตุคาม เหนือฟ้าบาดาล
เหนือกรุงสองทะเล พ่อองค์สถิตหล้า
เจ้ากรุงธรรมโศก รามเทพเกรียงไกร
อยู่คู่ฟ้าไทย อมตะนิรันต์กาล
จตุนาคา รามเทพเทพไทย
บารมีปกเกล้า เหนือฟ้า เหนือดิน สาธุรามา

จตุคามรามะเทวัง พระโพธิสัตตัง ศรีวิชะยัง มหาคุณัง มหิทธิกัง
สุริยะจันทัง มหาคุณัง อะหังปูเชมิ สิทธิลาโภ นิรันตะรัง

 

เครื่องบวงสรวงถวาย ตั้งโต๊ะกลางแจ้ง เวลากลางคืน วันใดก็ได้
- ธูปดำ 9 ดอก
- น้ำโอเลี้ยง / โค๊ก 1-3 แก้ว
- น้ำเย็น 1-3 แก้ว, น้ำชา 1-3 แก้ว
- กาแฟดำ
- ขนมหวาน / ขนมเค็ก
- หมากพลู 5 คำ
- ยาเส้น / ใบกระท่อม
- ดอกไม้หรือพวงมาลัย

ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ แม้ว่าองค์พ่อจตุคามรามเทพจะเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีจิตแห่งความเมตตาสูง ขอให้ท่านอย่าเพียงพึ่งแต่บารมีขององค์พ่อฯ เท่านั้น ควรสร้างกุศลให้แก่ตนเองให้ครบทุกด้าน คือ ให้ทาน (เช่น สังฆทาน บริจาคมูลนิธิต่างๆ) รักษาศีล (ศีล 5) และบำเพ็ญภาวนา (สวดมนต์ และปฏิบัติกรรมฐาน) และขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรของท่านเอง และแผ่กุศลกรรมที่ท่านทำนั้นให้แก่ มารดา บิดา ญาติกาทั้งหลาย ครูอุปัชฌาอาจารย์ เพื่อนมนุษย์ เทวดาทั้งปวง เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง และเปรตทั้งหลายทั้งปวงด้วย แล้วชีวิตท่านจักบังเกิดความเจริญ

ขอขอบคุณ http://news.sanook.com/jatukarm/jatukarm131263.php

 

 

เจ้าแม่กวนอิม

(องค์นี้มาเข้าฝันข้าพเจ้าบ่อยมากประมาณ4ครั้ง ทุกครั้งที่ฝันจะเห็นเป็นเทวรูปพระแม่กวนอิมเกือบร้อยองค์ พอฝันครั้งที่4เริ่มเอะใจ จึงจุดธูปบอกหิ้งพระที่บ้านว่า หากเจ้าแม่กวนอิมประสงค์อยากจะเป็นครูหมอดูเพื่อสร้างบุญบารมีร่วมกัน จงมาเข้าฝันอีกเป็นครั้งที่5ด้วยเถิด วันต่อมาข้าพเจ้าฝันเห็นเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่4องค์ ท่านจึงกลายเป็นครูหมอดูให้กับข้าพเจ้า์ด้วยประการนี้)

กวนอิม ตามสำเนียงฮกเกี้ยน หรือ กวนอิน ตามสำเนียงกลาง (จีน: 觀音; พินอิน: Guān Yīn; อังกฤษ: Guan Yin) พระโพธิสัตว์ ของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เป็นองค์เดียวกันกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในภาษาสันสกฤต ซึ่งมีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานในอินเดีย และได้ผสมผสานกับความเชื่อพื้นถิ่นดั้งเดิมของจีน คือตำนานเรื่องพระธิดาเมี่ยวซ่าน ก่อให้เกิดเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาคสตรีขึ้น เพื่อแสดงออกถึงความอ่อนโยน และแสดงถึงความเมตตากรุณาให้เด่นชัดยิ่งขึ้นดังเช่นความรักของมารดาที่มีต่อบุตร

ขอขอบคุณ http://th.wikipedia.org/wiki/เจ้าแม่กวนอิม

สิ่งที่บูชาเจ้าแม่กวนอิม

1.น้ำชาจีน 1 ถ้วย ทุกเช้า

2.ผลไม้ 2 สิ่ง ถวายวันตัวและวันพระ ดอกบัว 5 ดอก ธูป บูชา 5 ดอก

ผลไม้ห้ามถวาย

ละมุด มังคุด พุทรา งดทานเนื้อวัว

การบูชาเจ้าแม่กวนอิม

เวลาท่องพระคาถาพระมหากรุณาธารณีสูตร คราวละ 3 จ บ9 จบตามแต่ผู้บูชาทางที่ควรคือ ควรบูชา 9 จบ ทั้งนี้ เพื่อจะได้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว

นอกจากนี้ยังเพื่อป้องกันสิ่งอัปมงคลทั้งหลายเข้าบ้าน ป้องกันไสยศาสตร์ต่าง ๆ อีกทั้งยังให้ทำน้ำทิพย์ด้วยพระคาถานี้ โดยอธิษฐานจิตดื่มเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้อีกด้วย

สำหรับผู้ที่ค้าขาย พระองค์ให้นำน้ำทิพย์พรมของที่ขายแต่เช้าก่อนคนมาซื้อ จะขายดี(ให้ใช้กิ่งทับทิมพรม)

บทสรรเสริญพระคุณ
นะโมกวงซิอิม ผ่อสัก
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมไต๋ชื้อ ไต๋ปุย กิวโคว่ กิวหลั่ง กวงไต๋เล่งก้ำ กวงสี่อิมผู่สัก (กราบ)
นำโมฮูก นำโมหวบ นำโมเจ็ง นำโมกิวโคว่ กิวหลั่ง กวงสี่อิมผู่สัก ทั่งจี้โต
โอม เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต เกียล้อฮวดโต ล้อเกียฮวดโต ล้อเกียฮวดโต
ซาผ่อออ เทียงล้อซิ้ง ตี่ล้อซิ้ง นั้งลี่หลั่ง หลั่งลี่ซิ้ง เจ็กเฉียก ใจเอียง ห่วยอุ่ยติ๊ง
นำโมม่อออป่อเยี๊ยปอล้อบิ๊ก (กราบ)

พระคาถา มหากรุณาธารณีสูตร

นะโม รัตนะตรายายะ นะโมอารยะ อวโลกิเตศะวะรายะ
โพธิสัตตะวายะ มหาสัตตะวายะ มหากรุณิกายะ
โอมสะวะละวะติ ศุททะนะ ตัสสะยะ นมัสกฤต วานิมาง
อาระยะ อวโลกิเต ศะวะระลันตะภา นะโม นิลากันถะ
ศรีมหาปะฏะศะมิ สระวาทวะตะศุภัม อสิยูม
สะระวะสัตตะวะ นะโมปะวะสัตตะวะ นะโมภะคะมะภะเตตุ ตัทยะถา
โอมอวโลกา โลกาเต กาละติ อิศีลี มหาโพธิสัตตะวะ สาโพสาโพ
มะรามะรา มะศิมะศิ ฤธะยุ คุรุคุรุฆามัม ธูรูธูรูภาษียะติ มหาภาษียะติ
ธาระธาระ ถิรินี ศะวะรายะ ชะละชะละ มามะภา มะละมุธิรี
เอหิเอหิ ศินะศินะ อาลลินภะละศรี ภาษาภาษิน การะศะยะ
หูลุหูลุมะระ หุรุหุรุศรี สะระสะระ สิรีสิรี สุรุสุรุ พุทธายะ พุทธายะ
โพธายะ โพธายะ ไมตรีเย นิละกันสะตะ ตรีสะระณะ ภะยะมะนะ
สวาหา สีตายะ สวาหา มหาสีตายะ สวาหา สีตายะเย
ศะวะรายะ สวาหา นีลากันถิ สวาหา มะละ นะละ สวาหา
ศรีสิงหะมุขายะ สวาหา สะระวะ มหาอัสตายะ สวาหา
จักระอัสตายะ สวาหา ปัทมะเกสายะ สวาหา นีละกันเต
ปันตะลายะ สวาหา โมโผลิศัง กะรายะ สวาหา
นะโมรัตนะตรายายะ นะโมอารยะ อวโลกิเตศะวะรายะ สวาหา
โอม สิทธะยันตุ มันตรา ปะทาเยะ สวาหา

เป็นการออกเสียงตามภาษาจีนแต้จิ๋วที่ชาวไทยเชื้อสายจีนในไทยแปลไว้ทั้งสองบท แต่ในความเป็นจริงแล้ว ท่านสามารถอธิษฐานเป็นภาษาไทยหรือภาษาอะไรก็ได้ เพราะว่าการสื่อความหมายจะใช้แรงอธิษฐาน ที่เกิดจากความตั้งใจอันแน่วแน่ของผู้กราบไหว้ในขณะสวดบริกรรมนั่นเองที่สำคัญที่สุด

เจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ (อวโลกิเตศวร) ผู้ทรงแบ่งภาคได้หลายภาค เพื่อมาโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย และทรงเอื้ออารีย์แก่มวลมนุษย์ที่ได้กราบไหว้บูชาให้ประสบผลสำเร็จอันพึงปรารถนาได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ท่านสามารถช่วยปัดเป่าความทุกข์ภัยพยันตรายให้ท่านที่เดือดร้อน ท่านสามารถสวดคาถาบูชาเจ้าแม่กวนอิมให้ครบ ๑๐๘ จบทุกวันโดยตั้งจิตอธิษฐานให้แน่วแน่ ก็จะได้ผลสำเร็จอันพึงปรารถนาทุกประการ

ขอขอบคุณ topjadeshop.com

 

 

พระแม่ลักษมี
เทวีแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย และความรักที่บริบูรณ์

(เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ก.พ. 55 ก็ได้มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นก​ับข้าพเจ้า ในขณะที่นอนสมาธิแล้วเผลอหลับไป​ในลักษณะครึ่งหลับครึ่งตื่น ก็ได้ฝันว่ามีผู้หญิงลักษณะเหมื​อนคนจริงๆมานั่งดูดวงให้ข้าพเจ้า แต่งกายชุดโทนสีขาวกระโปรงยาวๆแ​บบชุดส่าหรี แต่แปลกตรงที่ว่าหน้าตาเธ​อไม่เหมือนผู้หญิงแขกเลยแต่เหมื​อนผู้หญิงไทยแท้ๆ หน้าตาธรรมดา ผมยาวสีดำ ไม่สวมชฎา เธอนั่งตรวจดวงให้ข้าพเจ้าสักพักแล้ว​เธอก็ลุกขึ้นยืน แล้วเธอก็บอกว่าเธอคือ"พระลักษมี" เธอพูดออกมาเป็นภาษาไทยไ​ม่ใช่ภาษาแขก ว่า"ฉันคือพระลักษมี"แปลกดีนะครับ เสร็จแล้วขาเธอก็ลอยขึ้นจากพื้น​เริ่มมีแขนงอกออกมาหลายแขน ถืออะไรหลายๆอย่างอยู่ในมือ แล้วเธอก็ลอยตัวขึ้นเกือบติดเพด​านห้อง แล้วก็ลอยพุ่งร่างกายตนเองตรงเข​้ามาที่กึ่งกลางหน้าผากของข้าพเจ้า พุ่งร่างกายทั้งหมดเข้ามาตรงกลา​งหน้าผาก ข้าพเจ้าจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา...)

รูปมุมขวาล่างสุดที่ว่านั่นคือ ปางอิชวาราญ่าลักษมีที่กล่าวอ้า​งอึงถึง ที่เห็นพระลักษมีมาเข้าฝัน เห็นสวมชุดสีขาวอยู่ปางเดีย​ว คล้ายชุดที่สวมให้เห็น แต่พระองค์ไม่สวมชฎา มานั่งดูดวงให้ข้าพเจ้า แล้วมีหลายแขนงอกออกมาทีหลั​ง ปางนี้พระแม่จะประทานพรให้​มีจิตใจกล้าหาญ คิดการใดก็สำเร็จ ปางนี้มีสี่พระกร และ พระแม่ทรงถือดอกบัวทั้งมือซ​้าย และ ขวาด้านบน สองมือที่เหลือ ด้านล่าง อยู่ในท่าประทานพรคือคิดว่าน่าจะเป็นปางนี้...อีกอย่างคือพระองค์สามารถเนรมิตให้มีหลายแขนได้ในปางมหาลักษมี ซึ่งจะมีหลายพระกร และเนรมิตเปลี่ยนสีชุดส่าหรีได้

ปางมหาลักษมี

พระแม่ลักษมี คือเทวีแห่งความงดงาม ความร่ำรวย และความอุดมสมบูรณ์ พระองค์มักประทานความสำเร็จในการประกอบกิจการ การเจรจาต่อรอง การทำมาค้าขาย การประกอบธุรกิจทุกสาขา ตลอดจนประทานโภคทรัพย์ เงินทอง สมบัติ แก่ผู้หมั่นบูชาพระองค์และประกอบความดีอยู่เป็นนิจ

พระแม่ลักษมี มีกำเนิดจากฟองน้ำ ในคราวเทวดาและอสูร กวนเกษียรสมุทร ทำน้ำอมฤต จึงได้นามว่า ชลธิชา (เกิดแต่น้ำ) หรือ กษีราพธิตนยา (ลูกสาวแห่งทะเลน้ำนม)

 

คาถาบูชาพระแม่ลักษมี

ก่อนการสวดบูชาต่อพระแม่ลักษมี
ต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ
บทสวดมนต์พระแม่ลักษมีนั้นมีหลายบท เลือกสวดได้ดังต่อไปนี้

- โอม ชยะ ศรี ลักษมี มาตา

- โอม ไจย ลักษมี มาตา

- โอม ศรี มหาลักษมี เจ นะมะฮา

- โอม ศรี มหาลักษมี ยะนะมะฮา

- โอม มหาลักษะ มะไย นะโม นะมะฮ
โอม วิษณุ ปริยาไย นะโม นะมะฮ
โอม ธานะ ประจาไย นะโม นะมะฮ
โอม วิศวา จานันไย นะโม นะมะฮา

- ยา เดวี สารวะ ภูเตชู
ลักษมี รูเปนะ สัม สติตา
นะมัส ตัสไย / นะมัส ตัสไย / นะมัส ตัสไย
นะโม นะมะฮา

- โอม พระลักษมี อิตถีเทวะ เมตตัญจะ มะหาลาโภ
ทุติยัมปิ พระลักษมี อิตถีเทวะ เมตตัญจะ มะหาลาโภ
ตะติยัมปิ พระลักษมี อิตถีเทวะ เมตตัญจะ มะหาลาโภ

- โอม เจ ลักษมี มหามาตา / มะนุสสา อัญชะลี ยะ ปูจา
โอมมหาราณี รีตู ปรารัม / กรุณา ตรี โลคา มาตินัม
อดัม อาสสานุม ปัทมินนี / นะโม ตุสเต เจ โฮมา มาตา กี
เจ โฮมา ลักษมี มา เจ โฮ มา / ลักษมี มา มหา ลักษมี มาตากี
โอม นมัสสักกา โอม มหาลักษมีเทวี ศักติ โอม

- โอม ชยะตี ชคะนิธิวะตี ภาคยะวตี
ธะนะวันตี ชยะ ชลละชะ วิลาสินี
คตะมหานะ วิจรัญตี ชยะ ศรี กะมะเล
หะริปรีเย ชลละนิธิ ตนะเย
อัมพา วิณาวัตตะ สุนทระทาสา อิกะมานะ
เตระหินะ อวะลัมพา ฯ

- โอม ลักษมีกานตัม กะมะลา นะยานัม
โยคิภิรัทยา นะคัมยัม วันเทวิษณุม
ภะวะภะยะหะรัม สรรวะโลกัยกะนาถัม
- โอม ศานตาการัม ภูชะคะสะยะนัม
ปัทมานาภัม สุเรศัม วิศวาธารัม
คะคะนะสะทฤศัม เมฆะวรรณัมศุภางคัม
ลักษมีการตัมกะมะกะละนะยะนัม
โยคิภีระธยานะคัมมะยัม
วันเทวิษณุ ภะวะภะยะหะรัม สรรวะโลกัยกานาถัม
-----------------------------------------------------
- โอม นะมัสศิโรเม เตาเลหะมาละ
สะลามะมาเรกุลา อาตะคัจฉะ มาลายะเฮ
ดุนนะยะโฮ กะโฮนะฮีนะ
ตุนนะฮี ยะวานะระโฮ ดูบัมบารา อาดัมบารา
นะฮีนะ นะโฮนะ วายะฮี
ลักษมีเดาเลาะหะมาล อาคัจชะมาฮาล อะสุราฮาล
ทะชัชชะมาฮาล ทะชัชชะมาฮาล
ทะชัชชะมาฮาละ ปูชิตตะวา

บทสวดบูชาขอชัยชนะแด่พระแม่ลักษมี

โอม ไชยะ ปัทมา วิศาลกษิ
ไชยะ ตวัม ศรี ปติ ปริเย
ไชยะ มาตา มหาลักษมี
สมะ สรณะ วรรณวะ ธารนี โอม

ขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่ลักษมี ผู้ทรงมีพระเนตรงดงามดั่งดอกบัว
ขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่ลักษมี ผู้เป็นที่รักแห่งองค์พระวิษณุมหาเทพ
ขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่ลักษมี ผู้เป็นมหามารดาแห่งสรรพชีวิตทั้งปวง
ขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่ลักษมี ผู้นำพาเราข้ามมหาสมุทรอันไพศาล

ขอบคุณเว็บไซต์สยามคเณศ http://www.siamganesh.com

 

 

 

 

พระแม่สรัสวดี

เทวีแห่งปัญญาความรู้
ศิลปวิทยาการ การภาวนาและพิธีกรรม

(ข้าพเจ้าได้ฝันเห็นพระแม่สรัสวดีแต่งชุดแขกสีขาวยืนยิ้มลอยอยู่บนก้อนเมฆบนท้องฟ้า สวมชฎาสีทอง นับเป็นเทพองค์ที่่3ที่มาเข้าฝันให้ข้าพเจ้าได้เห็น)


พระแม่สรัสวดี คือ ชายาของ พระพรหม (ผู้สร้างโลก)

พระแม่สรัสวตี เทวีแห่งสรรพความรู้

พระนามของพระแม่สรัสวดี นั้นออกเสียงเรียกได้อีกหลายวิธี เช่น พระแม่สรัสวตี พระแม่สุรัสวดี พระแม่สุรัสวตี ฯลฯ

พระแม่สรัสวตีจึงเปรียบเสมือนครู อาจารย์ พระองค์คือเทวีแห่งสรรพความรู้ วิชาการอันล้ำลึก วิทยาการอันก้าวหน้า พระองค์คือสัญลักษณ์แห่งงานศิลปะทุกแขนง ทั้งการวาดเขียน การดนตรี อักษรศาสตร์ การแต่งตำรา การเขียนหนังสือ พระองค์คือเทวีแห่งปรีชาญาณอันชัดเจนแจ่มแจ้ง การเล่าเรียน ศึกษาหาความรู้ การวิจัย การวิเคราะห์ การพูดจา การเจรจาต่อรอง ตลอดจนเป็นผู้ให้กำเนิดอักขระของอินเดีย คือ อักษรเทวนาครี นั่นเอง

พระองค์ยังเป็นผู้ให้กำเนิดบทสวดมนต์บทแรกของจักรวาล ชาวฮินดูยังนับถือพระสรัสวดีเป็น เทวีแห่งเวทมนต์ คาถา และการประกอบพิธีกรรม ฉะนั้น หากมีการประกอบพิธีบูชาเทพหรือเทศกาลใดๆแล้ว ถ้าอัญเชิญ พระพิฆเนศ เป็นเทพองค์แรกก็จะทำให้พิธีนั้นๆเกิดสิริมงคลขึ้น และการอัญเชิญ พระแม่สรัสวตี ร่วมด้วย ก็ย่อมบันดาลให้การสวดมนต์และการประกอบพิธีกรรมทุกขั้นตอน ดำเนินไปอย่างศักดิ์สิทธิ์ มีพลังเข้มข้นและมีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกเหนือจากวิชาชีพวิทยาศาสตร์ แพทยศาสตร์ และครุศาสตร์แล้ว ผู้ที่สมควรบูชาพระแม่สรัสวดีก็ยังมีสายวิชาชีพศิลปะ การวาดเขียน การแต่งเพลง การดนตรีทุกแขนง ตลอดจนสายนิเทศศาสตร์ นักเขียน นักข่าว นักพูด นักบรรยาย ฯลฯ

จริงๆแล้วก็เรียกได้ว่าครอบคลุมแทบทุกสาขาอาชีพเลยทีเดียว ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการค้นคว้าหาความรู้และพัฒนาฝีมือทักษะในวิชาชีพของตนอย่างไม่หยุดนิ่ง ก็ขอแนะนำให้บูชาพระแม่สรัสวดีเป็นเทพประจำตัวเพื่อขอพรให้มีทักษะและความรู้เพิ่มพูนยิ่งๆขึ้นไป

เทศกาลสำคัญขององค์พระแม่สรัสวดี คือ เทศกาลวสันตะ ปัญจมี ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี มีการประกอบพิธีบูชาพระสรัสวตีทั้งวันทั้งคืน พร้อมทั้งแห่เทวรูปไปทั่วเมือง และทำการสรงน้ำ หรืออัญเชิญลงสรงน้ำในแม่น้ำ เช่นเดียวกับวันคเณศจตุรถี มีการตกแต่งบ้านเรือนและเทวาลัยของพระองค์ด้วยดอกดาวเรือง ดูสวยงามไปทั้งเมือง การประกอบพิธีในเทศกาลนี้ก็เพื่อต้อนรับการมาของฤดูใบไม้ผลิ หรือวสันตฤดูนั่นเอง

"นโม เทวเย สรัสวัตเย"
มนตราความสำเร็จแห่งพระศรีสรัสวดี เทวีแห่งปรีชาญาณ
ใน "ศรีมัทเทวีภัควัต ปุราณะ" พระศรีนารายัณทรงตรัสว่าพระนางสรัสวดีเสด็จมายังไวกุณฑะเนื่องในวันวสันตะปัญจมี
อันเป็นเทศกาลบูชาของพระนางเธอ ทรงเสด็จมาครั้งนี้เพื่อเผยถึงความหมายในการกราบไหว้บูชาพระนางให้ได้พรสูงสุด

พระนางสรัสวดี จะต้องได้รับการกราบไหว้บูชา ในวันขึ้น 5 ค่ำ เดือนมาฆะ ซึ่งเรียกว่า วสันตะปัญจมี ผู้บูชาภายหลังที่ได้ประกอบกิจกรรมส่วนตัวในตอนเช้าแล้ว จะต้องจัดหาหม้อทองเหลืองมาวางไว้ที่หน้าประตูทางเข้า ในครั้งแรกเขาต้องกราบไหว้บูชาต่อพระคเณศวรก่อน ต่อมาจึงประกอบพิธีบวงสรวงบูชาต่อเทวรูปพระแม่ ด้วยการถวายของบวงสรวงพิธี โศทโศปจร (Shodashopochar) ด้วยการถวายการกระทำถวาย 16 อย่างต่อเทวรูป หลังจากการกล่าวสวดมนตร์ถวายต่อพระสรัสวดีเป็นการ ประสทัม (Prasadam) ผู้บูชาจะต้องถวาย น้ำมันเนย นมเปรี้ยว เนยสด น้ำผึ้ง นม งา ขนมหวานที่ทำจากแป้ง(ลัททุ) น้ำตาลอ้อย มะพร้าว ลูกเกด กล้วย ฯลฯ การจัดมาถวายนี้ต้องแจกจ่ายผู้มาร่วมงานพิธีนี้โดยทั่วกัน และที่สำคัญ ผู้บูชาจะต้องสวดมนต์ว่า “นโม เทวเย สรัสวัตเย” ข้าพเจ้าขอน้อมกราบต่อพระแม่สรัสวดี มนต์บทนี้สามารถให้ความสำเร็จดั่งความต้องการของผู้บูชาทั้งหลาย พระวิษณุเทพทรงตรัสต่อท่านฤษีนารัทว่า

" โอ่ ฤษี อันมนตร์ 8 ตัว บทนี้ข้าได้มอบต่อให้ฤษีภฤคุ ผู้ที่ได้มอบต่อไปยังพระศุกราจารย์ และพระศุกร์ได้มอบต่อให้ท่านฤษีพฤหัสบดี ท่านมีความพึงใจทากต่อการกราบไหว้บูชา ชรัต กรุ (Jarat Kuru) ได้สังสอนมนตร์บทนี้ไปยังปวงมนุษย์เพื่อเป็นสาธารณะกุศล บุคคลใดที่ได้กล่าวมนต์นี้เป็นจำนวน 4 แสน ครั้งโดยไม่มีการหยุดพักเลย จะเพิ่มพูนบารมี มีพลังอำนาจในตนเองมากขึ้น ในบั้นปลายแห่งชีวิตผลบุญจะนำเขาไปยังสู่สถานที่อันสูงสุด และได้พบกับความสุขที่แท้จริง "

ในกาลครั้งหนึ่ง ฤษียัคยะ วัลกยะ ถูกสาปแช่งจากอาจารย์ของเขาให้สูญเสียความรู้ ความฉลาดจนหมดสิ้น เขาได้แต่โศกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเริ่มต้นด้วยการกราบไหว้บูชาต่อพระอาทิตย์ว่าการเป็นเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง และให้ความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

ท่านฤษีได้ประกอบพิธีกรรม สมาธิบูชาต่อพระอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พระอาทิตย์ทรงโปรด จนในที่สุดเทพเจ้าพระองค์นี้ทรงปรากฏองค์ให้เห็น ท่านฤษีได้กราบทูลเรื่องราวความทุกข์โศกเศร้าของท่าน เทพเจ้าทรงแนะนำการกราบไหว้บูชาต่อ พระแม่วาจเทวี (Vak Devi) และทรงมอบมนต์อันวิเศษให้ไว้แก่ท่านฤษีว่า “นโม เทวเย สรัสวัตเย” ท่านได้กล่าวเตือนท่านฤษีว่า

“โอ่ ฤษี หลังจากที่ท่านได้ท่องสวดมนต์นี้แล้ว ให้ตามด้วยการท่องมนตร์โคลงต่อไปว่า

กฤปัม กุรุ ชคันมาตัช มาม เอวัม หัชเตชสัม /

กยานัม เทหิ สัมฤติ วัทยัม ศักติ เทหิ นมัสวินิ //

"ข้าแต่พระม่ ขอทรงส่งแสงพระเมตตาของพระองค์มาสู่ข้าพเจ้า ผู้ขาดความสุกสว่าง เต็มไปด้วยความทุกข์เศร้าหมอง ข้าแต่พระแม่ผู้ทรงกำหนด! ขอทรงโปรดต่อข้าพเจ้าอีกครั้ง ช่วยเพิ่มพูนความรู้ ความฉลาด ความทรงจำที่ดีทั้งหลาย และขอให้ข้าพเจ้ามีสุขภาพพลานามัย มีจิตใจที่ดีสมบูรณ์ด้วยเถิด"

เมื่อพระอาทิตย์เสด็จจากไป ท่านฤษียัคยะ วัลกยะ มีความยินดีมากได้ตระเตรียมตัวเดินทางไปยังป่าทึบแห่งหนึ่งเพื่อ ประกอบพิธีบวงสรวงพระแม่ หลังจากที่ได้สวดมนตร์ตามที่พระอาทิตย์สั่งกำชับไว้เป็นเวลายาวนานโดยที่ ท่านไม่ยอมพักดื่มน้ำหรือกินอาหารใดๆ เลย แม้ว่าท่านจะต้องทนทรมานกายอย่างหนักเพื่อบูชาด้วยจิตที่ตั้งมั่นดีแล้ว วันหนึ่งพระแม่ได้ปรากฏกายต่อหน้าท่านฤษี พระนางทรงประทานพรให้กับฤษีตามที่ต้องการ“นับจากนี้ ขอให้ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านกวีนิพนธ์ มีความรู้และมีปัญญาเป็นเลิศ”กล่าวกันว่า พระแม่ที่แท้จริงนั้นมีหลายรูปลักษณ์ ผู้หวังซึ่งพระเมตตาขอพระนางสรัสวดีเพื่อความรู้ ความฉลาดจะต้องทำการกราบไหว้บูชาต่อพระแม่ในรูป พระนางสรัสวดีเท่านั้น
(คัดลอกสำนวนจากหนังสือ 108 เทพแห่งสรวงสวรรค์ 2 ของธนกร พันธ์บุญเกิด)
http://wongmalatorn-say.exteen.com/20080205/entry-2

แท่นบูชา หรือ หิ้งบูชาพระแม่สรัสวดี
ควรปูด้วยผ้าสีขาว หรือสีเหลือง สามารถใช้ผ้าลายดอกไม้ หรือลายไม้ เทวาลัยหรือศาลของพระองค์ก็ควรทาด้วยสีขาว ดอกไม้ที่พระองค์โปรดคือดอกดาวเรือง ดอกบัว ดอกมะลิ

เครื่องหอมที่จะใช้วาง หรือจุดถวาย ควรมีกลิ่นแก่นจันทน์ ไม้จันทน์ กลิ่นกฤษณา กลิ่นดอกบัว กลิ่นมะลิ การถวายขนมก็เช่นเทพองค์อื่นๆ คือ ขนมรสหวาน มีกลิ่นหอม ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์

สำหรับผลไม้ก็ถวายได้ทุกชนิด แนะนำให้ถวายมะพร้าว เนื่องจากถือว่าเป็นผลไม้ที่อยู่สูง มีความสะอาดบริสุทธิ์ ที่นิยมถวายยังมี กล้วย ส้ม เงาะ อ้อย มะม่วงสุก แอปเปิ้ล มะละกอ ฯลฯ


คาถาบูชาพระแม่สรัสวดี

มีหลายบท เลือกสวดบทใดบทหนึ่ง (หรือสวดทั้งหมด)
การสวดนั้นจะออกเสียงพระนามของพระองค์ว่า
สรัสวดี, สรัสวตี, สุรัสวดี, สุรัสวตี ฯลฯ ก็ได้ตามถนัด

(ก่อนการสวดบูชาจะต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ)

- โอม ชยะ ศรี สรัสวตี มาตา

- โอม ศรี สรัสวตี นะมะห์

- โอม ศรี สรัสวตี ยะนะมะฮา

- โอม ศรี มหาสรัสวตี เจ นะมะฮา

- โอม สรัสวตี นามะ สตุภะยัม
วารเด กามรูปานี
วิทยา อาราม ภาม
การิชยามิ สิทธิ ภาวะตุ เม ซาดา
คำแปล : โอม พระแม่สรัสวดีเทวีผู้สูงศักดิ์
ข้าพเจ้าขอศิโรราบแด่พระองค์ และจะถ่อมตนอยู่เสมอ
พระองค์คือผู้ประทานทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนา
ข้าพเจ้าจะร่ำเรียน ค้นคว้าสรรพความรู้จากท่าน
และขอพระองค์ประทานพรให้เกิดความสำเร็จแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

- โองการพินทุ นาถัง อุปปันนัง
สรัสวดี มะเตโต มหาเทโว ราชคาถา

- โอม ไจยตี ไจยปารตี สรัสวตี ไจยเดวี
ไจยตี อามิตาวรตายินี สุรนารามุนี
จันเสวีไจย สตาวาดินี ชยามพาวี
วีณาวาดินี อัมพา ปัทมาปะรีเย
ปรเมศวารี อิกาตุมาฮาราฮีนา อวลัมปา

- โอม สุรัสวดี อิตถีเมตตัญจะ เทวะปัญจะเร ภะวันตุเม
ทุติยัมปิ สุรัสวดี อิตถีเมตตัญจะ เทวะปัญจะเร ภะวันตุเม
ตะติยัมปิ สุรัสวดี อิตถีเมตตัญจะ เทวะปัญจะเร ภะวันตุเม

-ขอขอบคุณที่มา http://www.siamganesh.com/saraswati.html

 

 

พระศรีมหาอุมาเทวี

เทพแห่งพลังอำนาจวาสนา

(องค์นี้เป็นเทพองค์แรกที่มาให้ข้าพเจ้าเห็นในนิมิตระหว่างนั่งสมาธิเป็นงานอดิเรก ลักษณะเหมือนคนจริงเป็นผู้หญิงแขกผิวคล้ำออกสีเหลืองทอง ค่อนข้างอวบ หน้าตาธรรมดา ใส่ชุดส่าหรีสีบานเย็นนั่งบนหลังเสือลอยมา มีแค่2มือ และในมือปราศจากอาวุธใดๆ ใส่มงกุฎและเครื่องประดับทองคำ มือขวาอยู่ในท่าประทานพร มากับรอยยิ้ม สิ่งที่ต่างจากในรูปคือจะมีรัศมีสีขาวเป็นแฉกๆพุ่งออกมาล้อมรอบร่างกายของพระองค์)

บูชาพระแม่อุมาเพื่อขออำนาจวาสนา บารมี

พระแม่อุมาเทวี... เจ้าแม่อุมา หรือ ปารวตี คือพระนามแห่งพระแม่ผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล เป็นเทวีแห่งอำนาจวาสนาและบารมีอันสูงสุด พระองค์ทรงประทานยศถาบรรดาศักดิ์ และความเป็นใหญ่แก่ผู้หมั่นบูชาต่อพระองค์อย่างสม่ำเสมอ..!!!

พระแม่อุมา ทรงเป็นมารดาแห่ง พระพิฆเนศ... เป็นชายาแห่ง พระศิวะ มหาเทพผู้ทำลายโลก 1 ใน 3 แห่ง พระตรีมูรติ พระแม่อุมาจึงเป็น 1 ใน 3 แห่งพระตรีศักติ ด้วย (ตรีศักติ หมายถึง พระแม่ทั้งสาม ได้แก่ พระแม่อุมา พระแม่ลักษมี พระแม่สรัสวตี)

อีกปางหนึ่งที่อยากแนะนำ แต่ไม่ค่อยมีคนไทยรู้จัก นั่นคือ ปางพระแม่อุมาตากี คือการอวตารของพระแม่อุมาเทวี ที่รวมเอาพระแม่อีก 2 พระองค์เข้าไว้ด้วย คือ พระแม่อุมา พระแม่ลักษมี พระแม่สรัสวดี ได้อวตารรวมเป็นร่างเดียวกัน เหมือนกับพระตรีมูรติ นิยมนับถือกันในหมู่ผู้นับถือนิกายศักติ หรือนิกายที่นับถือเฉพาะเทพสตรีทั้ง 3 พระองค์ว่ายิ่งใหญ่เหนือกว่า พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ อันเป็นเทพบุรุษสูงสุดแห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

การบูชาพระแม่อุมาปารวตี

โต๊ะ หรือ แท่นบูชา สำหรับพระแม่อุมาเทวี ควรปูด้วย ผ้าสีขาว สีทอง สีแดง สีเงิน (หากไม่มีผ้าสำหรับปู สามารถใช้สีทาได้)

ดอกไม้ที่พระองค์โปรด คือ ดอกไม้ที่มี สีเหลือง และ สีแดง โดยเฉพาะ ดอกดาวเรือง ดอกกล้วยไม้ ดอกกุหลาบ

ควรมี ธูปหอม หรือ กำยาน ไว้จุดเพื่อถวายกลิ่นหอมด้วย และสามารถใช้ เตาน้ำมันหอม (แบบอโรม่า) เติมน้ำมันหอมระเหยแล้วจุดเพื่อถวายกลิ่นหอมได้เช่นกัน

เทศกาลสำคัญแห่งการบูชาพระแม่อุมาเทวี คือ เทศกาลนวราตรี ตรงกับวันขึ้น 1-9 ค่ำ เดือน 11 จะมีการประกอบพิธีกรรมบูชาพระแม่อุมาเทวีในอวตารต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศอินเดียจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ไม่แพ้เทศกาลคเณศจตุรถี มีการถวายเครื่องสังเวยอย่างอลังการ สรงน้ำองค์เทวรูป สวดมนต์บูชาตลอดวันตลอดคืน มีการแห่องค์เทวรูปพระแม่อุมาไปรอบโบสถ์และรอบเมือง ผู้บูชาจะต้องทานอาหารมังสวิรัติ ผู้เคร่งครัดการบำเพ็ญจะถือศีลอดตลอดระยะเวลา 9 วัน

อาหารที่ถวาย ควรเป็นขนมที่มีรสชาติมัน ปราศจากเนื้อสัตว์ และไม่มีกลิ่นหอมแรงเกินไป สามารถนำขนมโมทกะ หรือขนมลาดู (ขนมชนิดเดียวกับที่ถวายพระพิฆเนศ) มาถวายก็ได้เช่นกัน ตลอดจนผลไม้ และธัญพืชทุกชนิด

 


คาถาบูชาพระแม่อุมาเทวี

มีหลายบท ให้เลือกสวดบทใดบทหนึ่ง (หรือสวดทั้งหมด)

ข้อควรจำ : ก่อนการสวดบูชาพระแม่อุมาเทวี จะต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ

- โอม เจ มาตา ดี

- โอม ชยะ มาตา ดีี

- โอม ไชย มาตา ที (หรือ ดี)

- โอม ชยะ ศรี ปารวตี มาตา

- โอม ไจ มาตา ปารวตี

- โอม มหาอุมาเทวี นมัส

- โอม มหาศักติ ปารวตี มาตา

- โอม ศรี มหาอุมาเทวี นะมะฮา

- โอม ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา เจ นะมะฮา

- โอม ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ
ทุติยัมปิ ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ
ตะติยัมปิ ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ
(คาถาบูชาทั้งพระแม่อุมา พระแม่กาลี พระแม่ทุรคา)

- โอม โรคานะ เศษานะปะหัมสิตุษฎา
รุษตาตุกามาน สะกะลานาภีษะตาน
ตวามา ศริตานาม นะวิปันนะรานาม
ตวามา ศะริตาหะทยา ศระยะตาม ประยันติ ฯ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.siamganesh.com

 

 

 

พระแม่ทุรคา
เทพแห่งพละกำลัง การสู้รบ และความกล้าหาญ

พระแม่ทุรคา
ปางสำคัญแห่งพระแม่อุมาเทวี
พระแม่ทุรคา หรือ พระแม่ทุรกา เป็นอีกปางหนึ่งของ พระแม่อุมาเทวี ที่อวตารมาปราบอสูรชื่อ มหิษาสูร สุมและนิสุม นับว่าเป็นปางที่สำคัญและยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าปาง พระแม่กาลี มีความเหี้ยมหาญ แข็งแกร่ง มีพละกำลังมาก แต่ไม่ดุร้ายน่ากลัวเท่ากับปางพระแม่กาลี เมื่อบูชาพระแม่ทุรคาอย่างสม่ำเสมอ พระองค์จะประทานพรด้านความกล้าหาญ ชนะศัตรูรอบทิศ การมีบริวาร มีความยุติธรรม ตลอดจนการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง


การปฏิบัติ "จักรัน"

พิธีกรรมสำคัญเพื่อบูชาพระแม่ทุรคานั้น เรียกว่าพิธี "จักรัน" คือการบูชาพระแม่ทุรคาด้วยการ สวดภาวนาตลอดคืน นิยมปฏิบัติกันมากในอินเดียเหนือ เช่น เมืองปัญจาบ ฮัรยาน เดลฮี ฯลฯ การปฏิบัตินั้นมีข้อปลีกย่อยแตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องถิ่น สำหรับวิธีปฏิบัติจักรันเบื้องต้น คือ
1. เริ่มจากสวดบูชาพระพิฆเนศ
2. ยืน หรือ นั่ง ต่อหน้าองค์เทวรูปหรือรูปภาพพระแม่ทุรคา แล้วสวดบูชาด้วยมนต์พระแม่ทุรคาบทใดบทหนึ่ง
3. สวดบูชาด้วยมนต์ โอม อีง ฮรีง กลีง จามุนดาเย วิชเช โอม หรือมนต์อื่นๆของพระทุรกาต่อเนื่องจนถึงเช้า

การปฏิบัติเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการภาวนาถึงพระแม่ทุรคาและขอพรจากพระองค์ สามารถเลือกทำได้ในวันที่ว่าง ถือเป็นการบำเพ็ญตบะอย่างหนึ่ง เพื่อฝึกความอดทน ทรมานกายด้วยการอดนอนให้ได้ข้ามคืน

ผู้ศรัทธายังสามารถเพิ่มกิจกรรมระหว่างการสวดบูชาจักรันได้ เช่น
- เดินวนรอบเทวรูปพระแม่ทุรคา 1 รอบต่อการสวด 1 จบ
- เดินหมุนรอบตัวเอง 1 รอบต่อการสวด 1 จบ
- นับลูกประคำ 1 เม็ดต่อการสวด 1 จบ
- นับก้านธูป 1 ดอกต่อการสวด 1 จบ
- นับกำยาน 1 อันต่อการสวด 1 จบ
- นับดอกไม้ 1 ดอกต่อการสวด 1 จบ
- เด็ดกลับดอกกุหลาบหรือดอกอื่นๆ 1 กลีบต่อการสวด 1 จบ
- ก้มกราบ 1 ครั้งต่อการสวด 1 จบ ฯลฯ
นักบวชและโยคีที่ประกอบพิธีนี้ จะเริ่มภาวนาต่อพระแม่ทุรคาตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน ไปจนถึงพระอาทิตย์ขึ้นในรุ่งเช้าของอีกวัน

ข้อแนะนำเกี่ยวกับการประกอบพิธีจักรัน


การสวดภาวนาเพื่อประกอบพิธีจักรัน และได้ทำกิจกรรมระหว่างการสวดด้วย เช่น การก้มกราบทุกๆ ครั้งที่สวดมนต์ได้ 1 จบ หรือการเดินหมุนรอบตัวเอง ฯลฯ หากกระทำต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง อาจทำให้หน้ามืด เป็นลม ส่งผลเสียต่อสภาพร่างกายได้ ควรเริ่มจากการปฏิบัติแต่น้อย อาจจะเป็นเพียงคืนละ 1 ชั่วโมง หรือครั้งละ 108 จบ...500 จบ...1,000 จบ ค่อยๆเพิ่มระยะเวลาให้นานขึ้น จนสามารถภาวนาได้ถึงเช้าวันใหม่ การสวดนั้นควรสวดภาวนาให้ช้าๆ สงบ นิ่ง และเนิ่นนาน... สามารถจุดเทียน ธูป กำยาน เพื่อให้แสงไฟและกลิ่นหอมโน้มนำจิตใจให้เข้าสู่สมาธิได้ดียิ่งขึ้น

ในช่วงแรกควรมีน้ำดื่มไว้ข้างกายเพื่อจิบแก้กระหาย หากปวดเมื่อยก็ควรเปลี่ยนอิริยาบทท่าทางตามสบาย เพื่อป้องกันความเครียดที่จะเกิดขึ้น และในระหว่างการสวดภาวนา

***ข้อพึงระวังเมื่อปฏิบัติจักรัน***
หากมองเห็นภาพหรือนิมิตที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นในจิตหรือในภวังค์ ก็ขอให้ตั้งสติให้ดี ไม่ว่าจะน่ากลัวเพียงใด จงอย่าหุนหันลุกขึ้นวิ่งหนี มิฉะนั้น กายทิพย์จะแตก ส่งผลร้ายต่อสติ ให้ทำใจแข็งค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วสวดภาวนาว่า "โอม ศานติ ศานติ ศานติ" เพื่อแผ่เมตตาและปรับจิตใจให้คืนสู่สภาพปกติ หากนิมิตแปลกประหลาดนั้นยังคงเกิดขึ้นอยู่และรบกวนจิตใจอย่างต่อเนื่อง ควรหยุดการทำพิธี และให้ทำสมาธิภาวนาว่า โอม ศานติ ศานติ ศานติ เป็นประจำทุกคืน แล้วสภาพจิตใจจะค่อยๆกลับมาเป็นปกติ ...เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก หากปฏิบัติไปนานๆ จะซึมซับและเข้าใจได้เอง...


บทสวดมนต์บูชาพระแม่ทุรคา

(ก่อนการสวดบูชา พระแม่ทุรคา จะต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ)
บทสวดมนต์พระแม่ทุรกามีหลายบทให้เลือกสวดดังนี้

- โอม ฮรีม กรีม ทุม ทุรคา ชัย นะมะฮา

- โอม เจ ทุรคา มาตา

- โอม ชยะ ศรี ทุรคา มาตา

- โอม ศรี ทุรคา นะมะฮา

- โอม อีง ฮรีง กลีง จามุนดาเย วิชเช โอม (บทสวดสำหรับพิธีจักรัน)

- โอม ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ
ทุติยัมปิ ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ
ตะติยัมปิ ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ
(คาถาบูชาทั้งพระแม่อุมา พระแม่กาลี พระแม่ทุรคา)

บทสรรเสริญพระแม่ทุรคา

- ไชย อัมเพ เการี มาอิยา
ไชย ชยามา เการี
นิชา ดินา ทูมะโก ทยาวาตา
ฮารี พรหมมา ศิวะจี
โบฮโล ไชย อัมเพ เการี

ขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่เการี (พระแม่ทุรคา)
ขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่ผู้มีพระวรกายสีเข้ม
พระแม่ผู้เชื่อมพระวิษณุ พระพรหม และพระศิวะไว้ด้วยกัน
ขอสรรเสริญและขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่เการี

ขอขอบคุณที่มา http://www.siamganesh.com/durga.html

 

พระแม่กาลี

เทพแห่งพลังอำนาจในการขจัดคุณไสย ลบล้างไสยเวทย์ด้านมืด

พระแม่กาลี ได้แบ่งภาคจากการบำเพ็ญตบะของ พระอุมาเทวี (พระแม่อุมา) โดยทรงมีจุดประสงค์เพื่อปราบอสูรตนหนึ่ง นามว่า อสูรทารุณ

ความเป็นมามีอยู่ว่า อสูรทารุณนี้แม้ว่าจะถูกฆ่าสักกี่ครั้งก็ไม่มีวันตาย แล้วที่สำคัญกว่านั้นเมื่อเลือดตกลงพื้นเมื่อใดก็จะทวีขึ้นเรื่อยไปไม่หมดสิ้น ความที่คิดว่ามีอิทธิฤทธิ์มากมาย ฆ่าไม่ตาย จึงทำให้อสูรทารุณเกิดฮึกเหิมในความเก่งกาจของตน จึงนำอิทธิฤทธิ์ ความเก่งกาจมาใช้ในการกลั่นแกล้ง รังแกผู้คน เทวดาทั่วไป สุดท้ายก็คิดจะครอยครองโลกทั้งสาม เมื่อเป็นดังนี้แล้วเหล่าเทวดา นางฟ้า ผู้ทรงศีลทั้งมวล จึงต้องนำเรื่องเข้าเฝ้าพระอิศวร เพื่อหาทางปราบอสูรตนนี้ เหล่าเทวดาทั้งหลาย เมื่อได้ฟังสรรพคุณของอสูร ก็ไม่มีใครกล้าอาสาออกไปสู้รบเลย

จนในที่สุด องค์พระศรีมหาอุมาเทวี เทพสตรีแห่งสวรรค์ ได้มีความประสงค์ที่จะออกปราบศัตรูร้าย ซึ่งพระองค์ได้ขอพรขอต่อองค์พระศิวะผู้เป็นเจ้า เพื่อให้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ แล้วจึงเสด็จเพื่อบำเพ็ญตบะทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ ให้มีฤทธิ์อำนาจปราบศัตรูร้ายได้ โดยได้กระทำพิธีในอุทยานเขตแดนป่าหิมพานต์ จนได้รับชัยชนะจากการกัดกินเลือดเนื้ออสูร

 

การบูชาพระแม่กาลีเพื่อกำจัดคุณไสยมนต์ดำ

แท่น หิ้ง หรือ โต๊ะบูชา ขององค์พระแม่กาลี ควรปูด้วย ผ้าสีแดงก่อน แล้วค่อยประดิษฐานรูปภาพหรือเทวรูปลงไป หากประดิษฐานในศาลหรือเทวาลัย ควรทาสีเทวาลัยด้านในให้เป็นสีแดงหรือสีดำ กระถางธูป ถ้าทาสีแดงหรือดำได้ก็ยิ่งดี

ตามตำราโบราณกล่าวไว้ว่า การบูชาพระแม่กาลี น้ำสีแดง ถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ (ใช้น้ำสมุนไพรสีแดงหรือน้ำหวานสีแดง) เนื่องจากสีแดงคือสีแห่งพลังที่มีการเคลื่อนไหว เป็นสีแห่งการกำเนิด มีความเร่าร้อน เป็นสีแห่งชีวิตที่สดใส ตลอดจนเปรียบได้ดั่งโลหิตของอสูรร้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องนำมาถวายสังเวยแด่พระแม่กาลี ยังมีขนมที่ควรถวาย ถ้าหา ขนมสีแดง ได้ก็ดี หรือ ขนมลาดูป (ลัทดู) ขนมโมทกะ ที่ถวายพระพิฆเนศ ตลอดจน ดอกไม้สีแดง ทุกชนิด (ดอกกุหลาบแดง หรือดอกชบาแดง ก็จัดหาได้สะดวกในเมืองไทย)

ธูปหอม กำยาน น้ำมันหอมระเหย สามารถจัดหากลิ่นใดก็ได้ แต่ที่แนะนำก็จะเป็นกลิ่นจันทน์ น้ำมันอบเชย น้ำมันกระดังงา และการบูร

ที่อินเดีย โดยเฉพาะในเมืองกัลกัตตา เมืองที่มีผู้บูชาลัทธิพระแม่กาลีมากที่สุดในโลก ผู้บูชามักสังเวยพระแม่ด้วยน้ำสีแดง ขนมสีแดง ถวายอาหารคาว (เป็นเทพองค์เดียวของฮินดูที่ถวายเนื้อสัตว์อาหารคาวได้) เนื้อสัตว์ทั้งปรุงสุกและกึ่งสุกกึ่งดิบ แต่ดิบๆเลยไม่ได้ ถวายเนื้อสัตว์ต้มสุกได้ แต่ห้ามถวายเนื้อวัวเนื้อควาย ควรใช้เนื้อไก่เนื้อเป็ด

ถ้าผู้บูชาเลือกที่จะถวายขนม นม น้ำแดง ก็ประดิษฐานพระแม่กาลีร่วมโต๊ะหรือหิ้งเดียวกันกับเทพองค์อื่นๆของฮินดูได้
แต่ถ้าเลือกที่จะถวายอาหารคาวและเนื้อสัตว์ด้วย ก็ควรจะแยกหิ้งออกมาต่างหาก เนื่องจากเทพองค์อื่นๆไม่โปรดเนื้อสัตว์

ขั้นตอนที่ละเลยไม่ได้เลยก็คือ
การสวดบูชาสรรเสริญพระแม่กาลีด้วยมนต์ที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ และการทำสมาธิทุกวัน วิธีที่เหมาะสมคือ การประกอบ "ปราณยาม" หรือการทำสมาธิด้วยการหายใจเข้า-ออกโดยลากให้ยาวสุด เข้าสุด-ยาวสุด เป็นระยะเวลาที่เท่าๆกันสม่ำเสมอทุกวัน ควรถือศีลอดบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อถวายแด่พระองค์ (นำเนื้อสัตว์ถวายแก่พระแม่แล้วเราทานมังสวิรัติแทน เพื่อเป็นการแสดงให้พระองค์เห็นถึงความศรัทธาและจงรักภักดีที่เรามีต่อท่าน)

เทศกาลที่สำคัญคือ มหากาลีบูชา (Maha Kali Puja)
ตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 (เช็คดูวันในปฏิทินให้ตรงกันได้ด้วยตนเอง)
เป็นวันแห่งการบวงสรวงพระแม่กาลี
ผู้ศรัทธาจะกระทำการจัดถวายเครื่องสังเวยชุดใหญ่
และทำการภาวนามนต์บูชาพระองค์ สวดสรรเสริญตลอดวันตลอดคืน


คาถาบูชาพระแม่กาลี

มีหลายบท เลือกสวดบทใดบทหนึ่ง (หรือสวดทั้งหมด)
***** ก่อนการสวดบูชาพระแม่กาลีจะต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ *****

1. โอม กาลี มา (3 จบ)

2. โอม เจ มาตา กาลี

3. โอม สตี เยมาตา กาลี

4. โอม มหาศักติ กาลี มาตา

5. โอม ชยะ ศรี มหากาลี มาตา

6. โอม มหากาลี นมัส

7. โอม ชยะตี มังคลากาลี ภัทรกาลี กะปาลินี
ทุรกา ศะมา ศิวาธาตรี สวาฮา สวาธา นโม สะตุเต

8. โอม ตัสสะ ปาระพะตี กาลีทุรคา ปิยังมะมะ
ทุติยัมปิ ตัสสะ ปาระพะตี กาลีทุรคา ปิยังมะมะ
ตะติยัมปิ ตัสสะ ปาระพะตี กาลีทุรคา ปิยังมะมะ
(คาถาบูชาทั้งพระแม่อุมา พระแม่กาลี พระแม่ทุรคา)

9. โอม ชยะตี มหากาลี ชยะตี อาธยะ กาลี มาตา
ชยะรูปะ ประจัญทิกา มหากาลิกะ เทวี
ชยะตี รักตาสะนะ เราทะระมุขี รุทะรานี
อริ โศนิตขะไประ ภะระนี ขัททะคะ ธรณี ศุจี ปาณนี ฯ

ขอขอบคุณที่มา http://www.siamganesh.com/kali.html

 

ถ้ามีเมตตาจิต...จะมีญาติมิตรทั่วบ้าน
ถ้าเมตตาเกินประมาณ...จะพบคนพาลทั่วเมือง
ถ้ากล้าจนเกินงาม...จะพบกับความเดือดร้อน
ถ้าเห็นแก่ธรรม...สุขเลิศล้ำตลอดกาล

พึงชนะความเลว ด้วยความดี

UP HOME